SECC ตะเพิด ''สมพงษ์'' เป็นบุคคลต้องห้ามข้อหาโกง
โดยบุคคลทั้งสอง ขาดคุณสมบัติการเป็นผู้บริหารและพนักงาน หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวโทษในข้อหาเบียดบัง ยักยอกเงิน ขณะที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ออกประกาศกำหนดให้การอยู่ระหว่างถูกกล่าวโทษดำเนินคดีนั้น เป็นลักษณะต้องห้ามในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์แล้ว บุคคลทั้งสองข้างต้น จึงพ้นจากการเป็นกรรมการและผู้บริหารของSECC โดยผลของกฎหมาย
ประกอบกับการกระทำดังกล่าวของบุคคลทั้งสอง เป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ร่วมกันทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาต่อบริษัท จงใจทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย ตามข้อบังคับของบริษัท บริษัทจึงมีสิทธิเลิกจ้างบุคคลทั้งสองเป็นพนักงานโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2551 ก.ล.ต. กล่าวโทษนายสมพงษ์ และนางสาวนิภาพร เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในประเด็นดังนี้
1.นายสมพงษ์ ในฐานะประธานกรรมการที่รับผิดชอบการดำเนินงานและได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของบริษัท ได้เบียดบัง ยักยอกเงินของบริษัทด้วยการจัดทำเอกสารเท็จ ในการสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริงเพื่ออำพรางให้ต้องจ่ายเงินจากบัญชีของบริษัท ให้แก่ตนเอง หรือบุคคลอื่น เพื่อซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริงนั้น ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย โดยมีนางสาวนิภาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน
2.นายสมพงษ์ ร่วมกับนางสาวนิภาพร จัดทำเอกสารเท็จในการสั่งซื้อสินค้ารถยนต์ที่ไม่มีจริง และจัดให้มีการบันทึกบัญชีซื้อรถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้รถยนต์ที่แสดงในบัญชีเป็นสินค้าคงเหลือเป็นเท็จ ไม่ตรงต่อความเป็นจริง