ลูกชายคนเล็กสารภาพแล้ว วางแผนฆ่าพ่อแม่พี่ชายครอบครัวหอมชง

ลูกชายคนเล็กสารภาพแล้ว วางแผนฆ่าพ่อแม่พี่ชายครอบครัวหอมชง

ลูกชายคนเล็กสารภาพแล้ว วางแผนฆ่าพ่อแม่พี่ชายครอบครัวหอมชง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีพบศพนางวนิดา หอมชง ครูโรงเรียนราชวินิตประถม บางแค วัย 57 ปี ถูกยิง 1 นัด เข้าที่ริมฝีปากซ้ายในระยะจ่อยิง กระสุนฝังใน เศษกระสุนแตกกระจาย และ ร.ต.ท.ธรรมณัฐ หอมชง หรือ หมวดเติ้ล พนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน วัย 24 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของบ้าน ถูกยิง 2 นัด เข้าที่ศีรษะ ระยะการยิงมากกว่า 50 เซนติเมตร และที่ห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน พบศพของ พ.อ.วิชัย หอมชง นายทหารเกษียณอายุราชการ วัย 63 ปี ถูกยิง 2 นัดเข้าที่ใบหน้าและบ่า เป็นการยิงในระยะใกล้ แต่ไม่ถึงระยะจ่อยิง ภายในบ้านพักย่านบางแค

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (5 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. หลังเจ้าหน้าที่ทำการสอบปากคำนายกิตตินันท์ หอมชง หรือ เต้ย อายุ 22 ปี ลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวผู้เสียชีวิต และพบพิรุธบางอย่าง ซึ่งเชื่อว่าเหตุฆาตกรรมดังกล่าวน่าจะเกิดจากฝีมือของนายกิตตินันท์ จึงได้เค้นสอบปากคำตลอดทั้งคืน กระทั่งนายกิตตินันท์ทนแรงกดดันไม่ไหวยอมเปิดปากรับสารภาพว่า ร่วมกับนายกอล์ฟ เพื่อนชายคนสนิทวางแผนฆาตกรรมสมาชิกในครอบครัวตัวเอง เนื่องจากเจ็บแค้นที่พ่อแม่รักพี่ชายคือ ร.ต.ท.ธรรมนัฐ มากกว่า ประกอบกับอยากครอบครองมรดกมูลค่ามหาศาล ทั้งที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว และในการก่อเหตุตนได้ให้นายกอล์ฟเป็นผู้จัดหา และจ้างวานมือปืน 2 คนมาทำงานดังกล่าว ซึ่งขณะนี้มือปืนอยู่ระหว่างหลบหนี

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ (4 เม.ย.) นายกิตตินันท์ ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า คดีนี้ความจริงเป็นเช่นไรตนขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ขอยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าพ่อ แม่ และพี่ชายอย่างแน่นอน เนื่องจากเกิดมาตนเคยยิงปืนแค่ครั้งเดียวสมัยเรียน รด. ไม่เคยยิงปืนสั้นเลย เเละเมื่อเย็นวันที่ 2 เมษายน ก็มีพยานยืนยันว่า ตน กับพี่เติ้ล และเพื่อนอีก 1 คน เดินทางไปกินบะหมี่ที่เดอะมอลล์ บางแค แล้วแยกย้ายกันเมื่อเวลา 23.00 น. โดยพี่เติ้ลมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านหลังที่เกิดเหตุ ส่วนตนและเพื่อนย้อนกลับไปพักที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งพักอยู่กับพวกเพื่อนที่ทำคณะสิงโต จากนั้นช่วงเที่ยงคืนครึ่งวันที่ 3 เมษายน พี่เติ้ลยังโทรศัพท์มาหาตนบอกว่าคืนนี้อย่าลืมดูถ่ายทอดสดฟุตบอล คู่ระหว่างเชลชี กับ ปารีสแชงแยแมง

นายกิตตินันท์ เล่าอีกว่าประเด็นที่ดินที่เป็นมรดกของพ่อก็ไม่ถึง 40 ไร่ มีประมาณ 24 ไร่ ซึ่งพี่น้องฝ่ายพ่อทั้งหมดมี 6 คนแบ่งสันปันส่วนกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่ดินในส่วนที่พ่อได้มามีเพียง 3 ไร่ครึ่งติดอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งในปัจจุบันให้บริษัทขนส่งสินค้าเช่าอยู่ทุกเดือน โดยพ่อและแม่ก็มีรายได้จากค่าเช่าส่วนนี้ แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาพ่อถูกญาติสนิทเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งพักอยู่บ้านใกล้กันพร้อมสามีของญาติคนนั้นพาไปมอมเหล้า เพื่อเซ็นต์โอนที่ดินส่วนดังกล่าวให้ กระทั่งแม่ตนต้องไปทำเรื่องฟ้องร้องยึดกลับคืนมาได้ คาดว่าน่าจะสร้างความโกรธแค้นให้ญาติคนนี้พอสมควร ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ตนสงสัยคือแม่รับหวยใต้ดินส่งต่อให้เจ้ามือรายใหญ่คนหนึ่ง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พี่เติ้ล เคยเล่าเรื่องขัดแย้งกับใครให้ฟังหรือไม่ นายกิตตินันท์ ตอบว่า พี่ชายเป็นตำรวจตนเชื่อว่าต้องมีปัญหาจากการทำงานอยู่แล้ว แต่ไม่น่าจะถึงต้องฆ่าแกงกัน ก่อนหน้านี้เคยมาเล่าเรื่องติดตลกให้ฟังว่า เคยทำคดีเพื่อนลูกนายทหารใหญ่และถูกเบ่งใส่แต่ก็ไม่มีอะไร ส่วนข้อเท็จจริงที่มีเพื่อนตำรวจ สน.ตลิ่งชัน ให้ข้อมูลว่า พี่เติ้ลโทรศัพท์ไปขอลางานเพราะวันนั้นกำลังเคลียร์เรื่องที่ดินกับญาตินั้น ขอตอบตามตรงว่า ตอนนั้นตนกับพี่ชายอยู่ด้วยกันที่ห้างเดอะมอลล์ บางแค เนื่องจากปัจจุบันนอกจากหน้าที่พนักงานสอบสวนแล้ว พี่เติ้ลยังต้องทำหน้าที่แกะเทปที่ฝ่ายสืบสวนแฝงตัวไปในที่ชุมนุมอีก จึงต้องการหยุดพักกลับบ้านไปพักผ่อนจึงอ้างว่ากำลังเคลียร์ปัญหากับครอบครัวอยู่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนถามอะไรบ้าง นายกิตตินันท์ ตอบว่า ถามไปมาซ้ำเรื่องเดิมๆ ตำรวจบางคนก็พูดจาไม่ดีกับตนด้วย แต่ตนตอบได้คำเดียวคือไม่รู้เรื่อง ส่วนเรื่องอาวุธปืนยี่ห้อกล็อคของพี่เติ้ล ที่ข่าวออกมาว่าหายไป จริงๆ แล้วก็ไม่ได้หายไปไหน ตำรวจพบปืนอยู่ในกระเป๋าสะพายวางอยู่บนโต๊ะในห้องโถง โดยที่ปืนก็ยังไม่ได้ผ่านการยิงไปสักนัด ที่สำคัญตนถูกจับตรวจเขม่าดินปืนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนนี้แต่ผลคือไม่พบเขม่าดินปืนติดมือเพราะตนไม่ได้ทำ

"ผมอยากบอกผ่านสื่อมวลชนไปด้วยว่า หลังจากนี้ถึงจะตกเป็นจำเลยสังคมฐานฆ่าพ่อ แม่ และพี่ชายตัวเองก็ไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่นในระบบของกระบวนการยุติธรรมปัจจุบันนี้ เพราะพี่ชายผมก็รับราชการตำรวจ ส่วนผู้ที่ก่อเหตุหรือสมรู้ร่วมคิดนั้นอยากบอกว่า คงโกหกได้ไม่นานเดี๋ยวความจริงก็จะปรากฏ โดยเฉพาะปกติสุนัขที่บ้านก็ไม่เคยเห่าคนแปลกหน้าอยู่แล้ว ประตูรั้วซึ่งห่างจากประตูเข้าบ้าน ประมาณ 20 เมตร ก็ไม่เคยล็อคเอาไว้ พ่อกับแม่นอนกี่โมง เรื่องนี้มีแต่บรรดาคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ดีว่า ควรเข้าออกบ้านผมได้ง่ายๆ อย่างไร แต่หลังจากนี้ผมขอให้ปล่อยผมกลับไปอยู่ที่บ้านอย่างสงบสุขและสบายใจก็พอ" นายกิตตินันท์ กล่าวทิ้งท้าย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก มติชนออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook