สุเทพ ลั่นรบ.เดินหน้าสะสาง4คดีใหญ่ที่ค้างคา ผบ.ตร.ชัวร์ ธานี-อัศวินจัดการคืบหน้า

สุเทพ ลั่นรบ.เดินหน้าสะสาง4คดีใหญ่ที่ค้างคา ผบ.ตร.ชัวร์ ธานี-อัศวินจัดการคืบหน้า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เพื่อไทย ชี้ข่าวเด้ง บิ๊กดีเอสไอ มีเบื้องหลังแอบแฝงหวังสางคดีของ ปชป. อาทิ คดี ปรส. และคดีโอนเงินของทีพีไอ ด้าน อัศวิน ปฏิเสธรอเสียบแทน ทวี หวังเกษียณอายุราชการด้วยอาชีพตำรวจ นายกฯ สั่งบิ๊กตร.รื้อ 4คดีพิเศษ ปฏิเสธฟื้นคดีเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ผบ.ตร.มั่นใจ ธานี-อัศวิน ทำให้คดีคืบหน้าแน่ สุเทพ ไม่ตำหนิรัฐบาลเก่า มุ่งเร่งสะสาง 4 คดีค้างคา สุเทพไม่ตำหนิรัฐบาลเก่า มุ่งเร่งสะสาง 4 คดีค้างคา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตำรวจเร่งสะสางคดีสำคัญ 4 คดี ว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายของนายกฯ มาตั้งแต่ต้น เพราะต้องการทำให้คดีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดความชัดเจน ซึ่งทั้ง 4 คดีทำมานานแล้ว แต่ติดอุปสรรคบางอย่าง บางเรื่องระดับปฏิบัติไม่สามารถแก้ไขเองได้ ดังนั้น รัฐบาลจะพยายามกำจัดอุปสรรคเหล่านั้นให้หมดไป เพื่อให้สามารถสรุปสำนวนคดีได้ เพราะความยุติธรรมต้องการผลสรุปอย่างรวดเร็วตามสมควร ถ้าล่าช้าอาจเสียหายได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่ไม่สามารปิดคดีได้ เพราะฝ่ายนโยบายในอดีตไม่ให้ความสำคัญหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่ไปตำหนิใครในอดีต ขอพูดถึงเฉพาะเรื่องวันนี้ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ต้องทำงาน จะไปนั่งตำหนิคนในอดีตคงไม่ได้

ผบ.ตร.มั่นใจ ธานี-อัศวินสาง4 คดีใหญ่คืบหน้า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวเมื่อวันที่ 22 มกราคม ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียก พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อมอบหมายให้เร่งสืบสวนจับกุม 4 คดีใหญ่ ประกอบด้วย 1.คดีฆ่านักการทูตชาวซาอุดีอาระเบีย 2.คดีฆ่าชิปปิ้งหมู หรือนายกรเทพ วิริยะ พยานปากเอกในคดีเลี่ยงภาษีการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารของบริษัทชินแซทเทลไลท์ 3.คดีอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร และ 4.คดีลอบยิงสามีรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า ไม่หนักใจเพราะเป็นคดีที่ยังค้าง ยังไม่ทราบตัวคนร้าย การดำเนินการของนายกรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ในเรื่องของเพชรซาอุ ปีหน้าจะหมดอายุความ โดยคดีเพชรซาอุแยกเป็น 2 ส่วน เรื่องฆ่าเจ้าหน้าที่ทางการทูตซึ่งดีเอสไอกำลังดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบให้พล.ต.อ.ธานี และพล.ต.ท.อัศวิน ดำเนินการ ซึ่งผู้ที่ได้รับมอบหมายต้องไปดูต้นเรื่องก่อน และจะต้องวางแนวทางดำเนินการต่อไป ทำเฉพาะเรื่องคิดว่าน่าจะได้ผลดี เป็นคดีเก่าคนที่ทำต้องมีความสามารถและต้องพยายาม ตนมั่นใจว่าจะได้ผลคืบหน้า

ชี้มุ่งเด้งบิ๊กดีเอสไอมีเบื้องหลัง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 21 มกราคม ถึงกระแสข่าวโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำเหมือนหมาป่ากับลูกแกะ ที่บางครั้งก็บีบ บางครั้งก็คลาย เพราะคดีความของคนในพรรคประชาธิปัตย์คาอยู่ในดีเอสไอมากมาย หากมีการปลดพ.ต.อ.ทวี ก็แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการที่จะสางคดีทั้งหมดที่ตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้อง

แต่สำหรับผมแล้วได้ดำเนินการหลายๆ เรื่องไปพร้อมกับดีเอสไอ ซึ่งมีหลักฐานทั้งหมดทุกเรื่อง โดยเฉพาะหลักฐานสำเนาการโอนเงินของอดีตผู้บริหารบริษัททีพีไอ ไปให้กับผู้บริหารบริษัท แมสไซอะ ซึ่งคนในพรรคการเมืองหนึ่งรู้จักดี แล้วยังมีใบเปอินโอนเงินจากเข้าไปยัง ส.ส.พรรคและกรรมการบริหารพรรคมากมาย ซึ่งเรื่องนี้ผมต้องการให้พรรคการเมืองนี้ชี้แจงเรื่องเหล่านี้บ้าง นายณัฐวุฒิกล่าว

ด้านนายจตุพร พรมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงว่า เชื่อได้ว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะล้างบาง มีเป้าหมายอยู่ที่ พ.ต.อ.ทวี ซึ่งเข้าไปตรวจสอบคดีความต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน เช่น คดีคณะกรรมการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) คดีการโอนเงินจากบริษัททีพีไอ ไปยัง ส.ส.พรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในทางคดี หรือคดีฮั้วประมูล 16 โครงการของ กทม. ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์นิ่งเฉยกับ ป.ปช.ซ้ำ นายสุเทพ ยังออกมาปกป้อง ป.ป.ช.หลายครั้ง เพราะพรรคมีตัวประกันอยู่ใน ป.ป.ช.อยู่มากมาย หากนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ย้ายอธิบดีดีเอสไอ ก็แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการอะไร กระทรวงยุติธรรมก็จะเป็นเป้าหมายที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางไป นายจตุพรกล่าว

นายกฯสั่งบิ๊กตร.รื้อ4คดีพิเศษ

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 07.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เพื่อหารือถึงการดำเนินคดีพิเศษ 4 คดี ประกอบด้วย 1.คดีฆ่านักการทูตชาวซาอุดิอาระเบีย 2.คดีฆ่าชิปปิ้งหมู หรือ นายกรเทพ วิริยะ พยานปากเอกในคดีเลี่ยงภาษีการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารของบริษัทชินแซทเทิลไลท์ 3.คดีอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร และ4.คดีลอบยิงรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และคดีอื่นๆ

พล.ต.อ.ธานี กล่าวภายหลังว่า นายกฯเรียกมาหารือเรื่องคดีพิเศษต่างๆ โดยเฉพาะคดีของทนายสมชาย ที่หากสามารถปิดคดีได้จะช่วยทำให้สถานการณ์ภายในจังหวัดชายแดนใต้ดีขึ้นได้ ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจดินหน้าหาพยานหลักฐาน แต่ต้องใช้เวลา ที่ผ่านมาอาจจะขัดขัดข้องบ้าง แต่ต้องทำต่อไป

อัศวินกั๊กนั่งอธิบดีดีเอสไอ

ด้านพล.ต.ท.อัศวิน กล่าวปฏิเสธว่า นายกฯไม่ได้มาหารือเรื่องแต่งตั้งเป็นอธิบดีดีเอสไอ ไม่มี มาในฐานะผู้ช่วย พล.ต.อ.ธานีทำคดีพิเศษเท่านั้น แต่ที่พูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าตนจะไม่รับตำแหน่ง แต่ตนเป็นตำรวจมาทั้งชีวิต ถ้าได้ปลดเกษียณในฐานะตำรวจก็น่าจะเหมาะสมมากกว่า

เมื่อถามว่านายกฯให้ความมั่นใจว่าจะไม่แทรกแซงการทำงานหรือไม่ พล.ต.ท.อัศวินกล่าวว่า นายกฯก็บอกให้ทำตามเนื้อผ้า ว่าได้ตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ส่วนคดีต่างๆจะเห็นผลเมื่อไหร่นั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ผมเป็นคนใจร้อน ก็จะเร่งให้เร็วที่สุด เพราะคดีต่างเกี่ยวข้องกับความมั่นคง ความสัมพันธ์ทั้งระหว่างและภายในประเทศ

เมื่อถามว่าคดีชิปปิ้งหมูเกี่ยวกับความมั่นคงอย่างไร หรือเพราะมีส่วนเกี่ยวกับรัฐบาลชุดก่อน พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ผมเป็นตำรวจ ไม่สนใจว่าจะเป็นฝ่ายไหน ถ้าเห็นว่าถูกก็ทำ ถ้าไม่ถูกก็ไม่ทำ อะไรจะเกิดก็เกิด อย่างที่ถูกย้ายจากผบช.น.มาช่วยราชการประจำ ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว

สำหรับ คดีอุ้มฆ่า ชิปปิ้งหมู หรือ นายกรเทพ วิริยะ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ โดยนายกรเทพ เป็นพยานปากเอกในคดีเลี่ยงภาษีการนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารของบริษัทชินแซทเทิลไลท์ และพรรคประชาธิปัตย์นำไปอภิปรายในสภา จนนายกรเทพ ต้องหอบลูกหนีไปกบดานที่ จ.เชียงราย และท้ายสุดถูกคนร้ายยิงตายที่จ.เชียงราย จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับคนกระทำผิดได้

มาร์คเผยรบ.มาช่วยแก้ปัญหา

เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์การเข้าพบของพล.ต.อ.ธานี และพล.ต.ท.อัศวิน ว่า เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องร้องเรียนเรื่องสิทธิมนุษยชน แก้ปัญหาภาคใต้ และคดีที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บอกไปว่าประเด็นเหล่านี้ถ้าทิ้งค้างไว้ จะเป็นประเด็นและปมปัญหาที่ทำให้การาในภาพใหญ่ยากขึ้น จึงสอบถามว่าในเรื่องเหล่านี้ยังดำเนินการอยู่หรือไม่และถ้าต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนเพื่อให้งานเดินต่อได้ก็ให้บอกมา โดยจะมีการรวบรวมสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนมาให้อีกครั้ง มีรายงานปัญหาอุปสรรคว่าในช่วงที่ผ่านมามีอยู่บ้าง แต่รัฐบาลจะแก้ไขให้

ปัดฟื้นคดีเล่นงานฝ่ายตรงข้าม

เมื่อถาม คดีนายสมชาย มีอุปสรรคเรื่องใดบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มี 2-3 จุด แต่ขออนุญาตไม่เปิดเผย แต่มีหลายเรื่อง เรื่องเทคนิคก็มี ต้องเร่งรัดให้ออกมา เพราะต้องการให้เห็นว่าสามารถบังคับใช้กฎหมายและสร้างความเป็นธรรมได้ และแต่ละคดีก็ยังไม่นานถึงขั้นที่จะเป็นอุปสรรครวบรวมพยานหลักฐานต่างๆได้ ส่วน คดีสังหารนักการทูตซาอุฯ นั้น ขณะนี้น่าจะเป็นคดีของนักธุรกิจซึ่งได้รู้อุปสรรคอยู่ และจะได้แก้ไขไป

เมื่อถามว่า อย่างคดีชิปปิ้งหมูมีส่วนพัวพันกับนักการเมืองให้หลักการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักการทุกคดีเหมือนกัน คือต้องตรงไปตรงมา และไม่ไปกลั่นแกล้งใคร และไม่ไปละเว้นด้วย

เมื่อถามว่า นายกฯยืนยันหรือไม่ว่าคดีดังกล่าวไม่ฟื้นมาเพื่อตีกระทบนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ เรื่องนี้อยู่ที่ข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่า พ.ต.อ.ทวี เป็นอุปสรรคคดีเหล่านี้จนต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าไม่ได้มีการพูดอย่างนั้น ส่วนมีการมองว่าเรียกพล.ต.อ.อัศวินมาใช้งาน เป็นการปูบันไดไปสู่อธิบดีดีเอสไอ นายกฯกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันเรื่องตำแหน่งเลย สอบถามเฉพาะข้อเท็จจริงของคดีต่างๆก้าวหน้าไปมากน้อยแค่ไหน ติดขัดอะไร ส่วนเรื่องตำแหน่งขึ้นกับผู้ที่กำกับดูแลหน่วยงาน

ยธ.ตั้งทีมช่วยก่อนหมดอายุความ

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยที่ผ่านมาสั่งการไปยัง พ.ต.อ.ทวี อธิบดีดีเอสไอ เร่งปิดสำนวนคดีสำคัญที่กระทบต่อความมั่นคง รวมถึงคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ คดีการหายตัวไปของนายสมชาย มีความคืบหน้า แต่ยังขาดพยานหลักฐานสำคัญ จึงได้กำชับให้เร่งสอบสวนปิดสำนวนคดีให้ได้

สำหรับคดีฆ่าอุปทูตซาอุฯและการหายตัวไปของนักธุรกิจชาวซาอุฯ นั้น พ.ต.อ.ทวีไปประสานขอความร่วมมือกับประเทศซาอุฯเป็นระยะๆ คดีคืบหน้าไปมากเช่นกัน แต่ไม่สามารถปิดสำนวนคดีได้ และจะขาดอายุความลงภายในปี 2553 ดังนั้นภายหลังการปรับระบบการทำงานในกระทรวงยุติธรรม และมีการแต่งตั้งคณะทำงาน 8 คณะขึ้นมาช่วยงานในสำนักงานรัฐมนตรี จะเรียกข้อมูลคดีสำคัญมาเร่งรัดอย่างจริงจังอีกครั้ง รมว.ยุติธรรมกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook