จุติจี้รบ.แจงตัวเลขศก.อย่าปิดแนะนำศก.พอเพียงใช้
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060

    จุติจี้รบ.แจงตัวเลขศก.อย่าปิดแนะนำศก.พอเพียงใช้

    2009-01-25T16:45:07+07:00
    แชร์เรื่องนี้
    นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มทศวรรษใหม่ ของนายบัญญติ บรรทัดฐาน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ว่า ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาล เปิดเผยถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่แท้จริง เพราะวันนี้มีการปิดบังตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีความเลวร้ายกว่าที่รัฐบาลเคยวางไว้ เพราะตัวเลขการส่งออก และดุลบัญชีเดินสะพัดไม่ดี จึงอยากเตือนประชาชนให้เตรียมการรับมือภาวะเศรษฐกิจในปี 2552 และอาจขยายไปถึงปี 2553 ด้วย วันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ ต้องออกมาส่งสัญญาณว่า จะมีอะไรมาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงปี 2552-2553 บ้าง และที่สำคัญ คือ ต้องบอกด้วยว่า รัฐบาลจะหารายได้จากส่วนไหน มาเยียวยาผลกระทบจากเศรษฐกิจ ทั้งเงินที่จะใช้ในปี 2552-2553 และจะมีการเยียวยาย่างไรที่ให้ยืนอยู่บนความจริง เพื่อเอาประเทศให้รอดไปได้

    "วันนี้ สหภาพยุโรป(อียู) จีน อเมริกา ที่เราจะพึ่งพาเรื่องการส่งออกก็ถอดถอยด้วยกันหมด วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะต้องมีบทบาทมากขึ้น เพราะด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทุกประเทศจะแข่งขันการระบายสต๊อกสิ้นค้า ข้อตกลงเดิมๆที่มีการร่วมมือกันไว้ จะไม่ได้รับการปฏิบัติแน่นอน วันนี้ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาประกาศให้ประชาชนทราบความจริงด้วย วันนี้เศรษฐกิจชะลอตัวไปทั่วโลก อย่างอเมริกาก็ชะลออย่างน้อย 3 ปี ที่มาทำเป็นมีความหวังกับตลาดจีน วันนี้หากเปรียบเทียบ ประเทศอื่นตกส้วมกันไปแล้ว จี็เหมือนกับยืนรออยู่หน้าส้วมดังนั้นเรามีทางรอดเดียวคือ การนำแนวคิดพระราชทาน เศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ซึ่งรัฐบาลต้องประชาสัมพันธ์ปรัชญานี้อย่างจริงจังให้ประชาชนได้เข้าใจนายจุติกล่าว

    เมื่อถามกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมทนตรี ออกมาระบุ เศรษฐกิจจะแย่เพียงในช่วงใตรมาสที่ 1-2 ของปี 2552 หลังจากนั้นจะเห็นผลเปลี่ยนแปลงจากมาตรการกรุตุ้นเศรษฐกิจขอรัฐบาล นายจุติกล่าวว่า นายกฯมีตัวเลขของชุดปี 2551 ที่ผ่านมา แต่ในปี 2552 นี้ ตัวเลขเริ่มออกมาแล้วเป็นอีกแบบ นายกฯประเมินไม่ผิด เพราะประเมินจากตัวเลขไตรมาส 3 ของปี 2551 แต่วันนี้ ผลมันมาจากไตรมาส 4 แล้ว

    "วันนี้ทุกคนพูดเหมือนกันหมด คืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัญหาที่ทุกรัฐบาลเจอเหมือนกันหมด คือ รายได้ตก และปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ผลประกอบการเลว และมีแนวโน้มว่าจะลามมาปี 2552 อีกทั้งปี ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่รัฐบาลจะเก็บภาษีที่ดินและมรดก ยกเลิกการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน และคิดเรื่องการกู้เงินจากต่างประเทศ แต่ถ้าตัดสินใจกู้แล้ว ก็ต้องกู้อีกไม่ต่ำกว่า 3 ปี ดังนั้นปัญหาของรัฐบาล คือ จะมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บรายได้ ซึ่งทำให้เหลือทางในการจัดเก็บรายได้ที่สามารถดำเนินการได้ ในเรื่องของซินแท็ค(ภาษีบาป) คือ ภาษีเหล้า บุหรี่ ซึ่งยังพอขยายฐานการจัดเก็ยได้อยู่นายจุติกล่าว

    เมื่อถามว่า หากเป็นเช่นนั้น มาตารการจัดเก็บภาษีทั้งเรื่องที่ดิน โรงเรือน มรดก ที่รัฐบาลมีแนวคิดดำเนินการก็ไมท่ต่างอะไรกับการหาเงินไม่ได้ แล้วมารีดภาษี หรือ ถอนขนห่าน นายจุติกล่าวว่า ไม่ใช่ แนวคิดที่รัฐบาลส่งสัญญาณมาเรืยกว่า การขยายฐานภาษี เพราะหากใช้วิธีการเพิ่มการจัดเก็บ เศรษฐกิจจะยิ่งแย่เข้าไปอีก อย่างไรก็ตาม ตนได้ยินแนวคิดของทางสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ที่เสนอให้รัฐบาลแก้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ ให้สามารถตั้งงบขาดดุลได้ถึงร้อยละ 50 ซึ่งน่าสนใจต่อการแก้ปัญหาการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล

    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์ ได้เดินลงมาจากห้องทำงาน ชั้นสอง ของที่ทำการพรรคมาเจอนายจุติให้สัมภาษณ์อยู่พอดี จึงได้แซวนายจุติ ว่า "ดีแล้ว ทีหลังจะได้ให้คำปรึกษา อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์ได้ยืนยัน ว่า การแก้ปัญหา มันต้องทำให้เงินถึงและอยู่ในมือประชาชน จากนั้นทั้งสองได้เดินพูดคุยกันก่อนเข้าร่วมประชุมส.ส.พรรคด้วยกัน