โฆษกคสช. ปัด ทักษิณ เอี่ยว มติอียู ทบทวนมาตรการยุติความร่วมมือไทย
วันที่ 24 มิถุนายน ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการประชุมของคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) แถลงการณ์ยุติความร่วมมือไทยและเรียกร้องให้ไทยมีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ว่า เรามีความผิดหวังกับแถลงการณ์ดังกล่าวเพราะคสช.มีการชี้แจงกับหลายประเทศในเวทีต่างๆ ผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้อียูทบทวนมาตรการต่างๆ ที่ได้ประกาศออกมา ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้ให้ความร่วมมือที่ดีกับอียูในหลายๆ เรื่อง โดยในส่วนมาตรการที่ทางอียูพูดถึงการระงับการมาเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างกันและสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกจะไม่ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับประเทศไทยนั้นยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนที่ต้องผ่านรัฐสภาของประเทศในอียูอีก2ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น ดังนั้นไทยกับอียูเองยังคงมีความร่วมมือในด้านอื่นๆ อีกหลายกรอบจึงมีความคาดหวังว่าหากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยผ่านไปจะทำให้อียูเห็นพัฒนาการทางการเมืองของเราและนำไปทบทวนถึงมาตรการหลายๆอย่างที่ได้ประกาศออกมา
"ผมอยากให้อียูเห็นสถานการณ์เหตุผลและความจำเป็นของการที่คสช.ต้องเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินในขณะนี้ว่าก่อนหน้าวันที่22 พฤษภาคมสถานการณ์ทางการเมืองเราตึงเครียดขนาดไหน งบประมาณแผ่นดินหรือแม้กระทั่งการเดินหน้าประเทศมันขยับไม่ได้แล้ว หากเราจะปล่อยให้สถานการณ์มันเป็นแบบนั้นต่อไปโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงมีสูงระหว่าง 2 ฝ่ายที่ไม่มีการพูดคุยหาทางออกกันเลย ผมคิดว่าอียูควรมองกลับไปจุดนั้นและมองกลับมาดูโรดแมปที่คสช.ได้ดำเนินการไปอย่างชัดเจนทุกขั้นตอนรวมถึงกรอบเวลาการทำโรดแมปในขั้นต่างๆซึ่งทางอียูเองต้องให้เวลาเราพอสมควรเพราะความขัดแย้งของไทยยาวนานกว่า10 ปี หากจะแก้ไขมันคงต้องใช้เวลา" ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ กล่าว
ส่วนการจะส่งหนังสือชี้แจงความจำเป็นในการเข้ามาบริหารราชการของคสช.เป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่นั้น ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ กล่าวว่า ขณะนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อถามถึงกรณีผลกระทบภายหลังอียูออกแถลงการณ์ออกมานั้น ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ กล่าวว่า ผลกระทบเบื้องต้นคือเจ้าหน้าที่ต่างๆ ของประเทศในอียูจะไม่เดินทางมาประเทศจึงอาจทำให้การประสานงานต่างๆ ไม่สะดวกเพราะไม่ได้มีการพบปะอย่างเป็นทางการ แต่ตนเชื่อว่านอกเหนือจะมาตรการที่ออกมานั้นไทยกับอียูยังคงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในหลายๆ เรื่องนอกเหนือจากมาตรการที่ออกมา ส่วนผลกระทบด้านการท่องเที่ยวนั้นตนเชื่อว่าในระดับประชาชนเองจะไม่มีผลกระทบอะไร เพราะคนไทยหลายคนมีญาติมิตรเป็นชาวยุโรปก็ยังคงไปมาหาสู่กันได้ตามปกติ
เมื่อถามถึงกรณีที่เรียกร้องให้ไทยมีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ กล่าวว่า ก่อนที่เราจะไปถึงการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยนั้น เงื่อนไของค์ประกอบในการนำไปสู่การเลือกตั้งมันคงต้องมีอะไรบ้าง ซึ่งเราต้องจัดการให้ประเทศอยู่ในสถานะพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในอนาคต
เมื่อถามว่าหัวหน้าคสช.ได้มีการเน้นย้ำหรือกังวลอะไรเกี่ยวกับมาตรการของอียูที่ออกมาบ้าง ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ล่าวว่า หัวหน้าคสช.ได้ฝากกับทุกหน่วยงานให้เร่งชี้แจงกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ทุกภาคส่วนจึงต้องทำงานอย่างเต็มที่โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้การออกมาตรการต่างๆ ของอียูไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด รวมทั้งในที่ประชุมหัวหน้าคสช.ไม่ได้พูดถึงกรณีดังกล่าวเลย