นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการประเทศไทย บริษัทวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทเนลสัน ซึ่งทำหน้าที่สำรวจข้อมูลการตลาดประมาณการว่า ประชากรโลกประมาณ 80% ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือประมาณ 3,000 ล้านเครื่อง จึงทำให้การพัฒนาระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านโทรศัพท์มือถือมีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยนวัตกรรมไร้สายของวีซ่า เป็นระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ที่ทำได้รวดเร็วและสะดวก นอกจากจะใช้โทรศัพท์มือถือสำหรับพูดคุย ฟังเพลง หรือส่งเอสเอ็มเอสแล้ว ยังใช้ชำระเงินได้ด้วย ในประเทศไทยคาดว่ามีคนไทยประมาณ 60% มีโทรศัพท์ใช้ จึงเหมาะต่อการพ่วงระบบชำระเงินของวีซ่า
น.ส.อัญชลี ศวุฒิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาดเครดิต ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า หลังจากเปิดบริการธนาคารอิเล็กทรอนิกส์หรือ อี-แบงกิ้ง เมื่อปีที่แล้ว ปรากฏว่ามีการโอนเงิน ชำระเงิน ผ่านตู้เอทีเอ็มและมีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน เอทีเอ็มหลักล้านรายการ ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการทดลองใช้โทรศัพท์มือถือแทนบัตรเครดิตซึ่งเป็นนวัตกรรมของวีซ่า จากการทดลองใช้มาระยะหนึ่งยังไม่พบปัญหาใด ๆ แต่จะต้องทดลองจนกว่าจะแน่ใจเรื่องความปลอดภัย หากต้องนำข้อมูลของบัตรเครดิตมาใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือ คาดว่าจะเปิดบริการอย่างเป็นทางการได้ประมาณกลาง ปีนี้
สำหรับโครงการทดลองบริการชำระเงินด้วยโทรศัพท์มือถือของวีซ่าและธนาคารกสิกรไทย จะใช้โทรศัพท์มือถือโนเกียรุ่น 6212 ชำระค่าสินค้าและบริการ ณ ร้านค้าที่มีเครื่องรับบัตรวีซ่า เพย์เวฟ กว่า 1,000 แห่งในไทยซึ่งรองรับระบบนียร์ ฟิลด์ คอมมิวนิเคชั่น (Near Field Communication : NFC) ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยีที่เป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อระยะสั้นแบบไร้สายที่เกิดจากการผสมผสานเทคโนโลยีการระบุตัวตนแบบไม่ต้องสัมผัสและการเชื่อมต่อเครือข่ายเข้าด้วยกัน โทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบ NFC สามารถเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลซึ่งกันและกันได้ และมีความปลอดภัยสูง โดยวีซ่าจะนำข้อมูลตัวเลข 16 ดิจิ บนบัตรเครดิตมาไว้ในตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือรุ่นที่รองรับ NFC เจ้าของบัตรเพียงนำโทรศัพท์ไปผ่านเครื่องอ่านระบบก็บันทึกและชำระเงินเหมือนบัตรเครดิต ขณะนี้วีซ่าได้ให้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ไต้หวัน และออสเตรเลีย.