ประชานิยมกว่า พาชาติเจ๊ง แม้วโผล่-สับมาร์ค

ประชานิยมกว่า พาชาติเจ๊ง แม้วโผล่-สับมาร์ค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ขู่ลั่นถึงถูกฆ่าก็ไม่สงบ เทือกเผยนาทีแดงล้อม ปชป.รักษาเก้าอี้ที่นนท์

มาร์ค-แม้วเปิดวิวาทะนโยบายเศรษฐกิจผ่านจอ ทักษิณโฟนอินบี้ประชานิยมกว่าทำประเทศเจ๊งได้ อ้อนเหมือนคนเร่ร่อนไม่ได้อยู่กับครอบครัว เอาอย่างเนลสัน เมนเดลาอยู่เพื่อสู้ให้นานที่สุด ลั่นส่งคนตามฆ่าจนตายเรื่องก็ไม่จบ ถ้าไม่คืนความเป็นธรรมให้สังคม สาทิตย์ลั่นออกกฎ หมายคุมทีวีดาวเทียม อภิสิทธิ์ชี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบสภาล่ม ลั่นวิฑูรย์ต้องแจงปลากระป๋องเน่า จุติจี้มาร์คเปิดตัวเลขเศรษฐกิจของจริงให้ประชาชนทราบ เทือกเผยนาทีโดนเสื้อแดงล้อม เชื่อสังคมจะบอกให้ม็อบหยุดเอง ณัฐวุฒิบี้สุเทพหาตัวคนสั่งยิงที่เชียงใหม่ จตุพรยันเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ 31 ม.ค. พรรคร่วมฯสังสรรค์พร้อมหน้า แจกรายชื่อส.ส.ให้วิปเช็กชื่อเข้าประชุม บุญจง ดอดแจงมาร์คกรณีนามบัตรแนบเงินหลวง

มาร์คจ้อผ่านจออย่าเปรียบโอบามา

วันที่ 25 ม.ค. เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จัดรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ เป็นครั้งที่สอง ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ โดยจัดเวทีภายในห้องส่ง มีฉากหลังเป็นทำเนียบรัฐบาล ช่วงแรกนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงภารกิจที่ปฏิบัติ ช่วงสองเป็นการตอบคำถาม โดยมีนางสู่ขวัญ บูลกุล เป็นพิธีกร พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนจากทางบ้านโทรศัพท์เข้ามาแสดงความคิดเห็นที่หมายเลข โทร.0-2275-4225

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมแจงรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย 2,000 บาท การจัดฝึกอบรมแก่ผู้ว่างงาน การจัดสรรเงินไปตามหมู่บ้านต่างๆ ว่า นโยบายเรียนฟรี เรียกร้องให้คนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีในการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนซัมมิต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับชาวโลก และทำให้ปัญหาเศรษฐกิจเบาบางลง และพร้อมดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนให้มากขึ้น สำหรับคดีปิดสนามบิน เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการอยู่

ในช่วงท้ายนายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ไม่อยากให้นำไปเปรียบเทียบ เพราะเป็นการให้เกียรติตนเกินไป ตนคงไม่อยู่ในฐานะนั้น แต่สิ่งที่ตั้งใจจะทำและไม่แตกต่างคือตนเชื่อมั่นในประเทศของตน และต้องการให้คนไทยมีความหวัง ลำพังรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องอาศัยประชาชนด้วย (อ่านรายละเอียด น.6)

แม้วโฟนอินขอเอาอย่างเมนเดลา

จากนั้นเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้าไปยังรายการความจริงวันนี้ นัดพิเศษ จัดโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาว เทียมดีทีวี นาน 1 ชั่วโมง

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตนเหมือนคนร่อนเร่พเนจร แต่ก็ดีเพราะได้พบผู้คนในประเทศต่างๆ ได้สร้างเครือข่ายในเวทีโลกที่สามารถคบค้ากันได้ในอนาคต แต่บางทีก็เหงา ไม่ได้อยู่กับครอบครัว ส่วนร่างกายและจิตใจยังเข้มแข็ง พร้อมสู้กับความไม่เป็นธรรม ตนเพิ่งไปแอฟริกาใต้ เป็นเมืองที่นับถือเนลสัน เมนเดลา เป็นวีรบุรุษ ที่ต่อสู้โดยไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนต้องทำจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อต่อสู้ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นต่อไปจนพบความเป็นธรรมให้ได้ ไม่ว่าจะเจอบนสวรรค์หรือนรก หลายประเทศมีโครงสร้างทางการเมืองต่างกันไป บางประเทศการเมืองทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนจากที่เหมือนอยู่ในนรก กลับกลายเป็นเหมือนอยู่ในสวรรค์ แต่การเมืองบางประเทศ จากที่เคยดีอยู่แล้วก็เปลี่ยนจากสวรรค์ให้เป็นนรก

ชี้แข่งทำประชานิยมประเทศเจ๊งแน่

แต่ไทยวันนี้ หากเข้าใจว่าเป็นเรื่องของประชานิยม แล้วจะทำประชานิยมให้เหนือกว่ากันเพื่อแข่งขันทางการเมือง เมื่อนั้นประเทศเจ๊ง ดูเหมือนจะได้แต่ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ทำไม่เกิดผลระยะยาวหรือยั่งยืน ปรัชญาของรัฐบาลที่เปรียบว่าเหมือนไฟกำลังไหม้บ้าน อย่าเสียดายน้ำต้องเอานำที่มีทั้งหมดสาดเข้าไป ขอเตือนว่าอย่าสาดน้ำเข้าไปจนไม่มีน้ำจะกินจะหุงข้าวก็แล้วกัน ผลสุดท้ายก็ตายแน่นอน พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญที่ผมขอเรียกว่ารัฐธรรมนูญสมเสร็จ ไม่รู้หน้าตาเหมือนอะไร ไปสวนสัตว์ดูก็ได้ เพราะช่วยกันล้ม ต่างคนต่างขอ ไม่มองภาพรวมของประเทศว่าทำแล้วจะบริหารประเทศได้อย่างไร ที่ผมยังสู้อยู่ถึงวันนี้เพราะต้องการความเป็นธรรม ไม่ว่าต่อสู้บนสวรรค์หรือนรกก็ต้องสู้ หากไม่คืนความเป็นธรรมไม่มีใครหยุด ผมไม่ใช่ปัญหา การที่ผมชนะการเลือกตั้งต่างหากคือปัญหา เพราะมีคนอยากเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนข้างตลอดเวลา ทำทุกอย่างแบบไม่อายชาวโลก ไม่อายฟ้าดิน วันนี้ให้ผมตายก็ไม่มีใครหยุด หากไม่คืนความเป็นธรรมให้สังคม หรือคนที่โดนรังแก อย่าไปคิดว่าจะส่งคนมาฆ่าผมที่ต่างประเทศแล้วทุกอย่างจะจบ บอกได้เลยว่าจะมากกว่าเดิม (อ่านรายละเอียด น.6)

มาร์คแจงนัดพรรคร่วมถกสภาล่ม

เวลา 10.30 น. ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นบีที นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังดำเนินรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ถึงกรณีนัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือและรับประทานอาหารค่ำร่วมกันว่า เป็นการพบปะกันเพื่อทำให้การทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น และต้องย้ำความสำคัญของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ ดังนั้นการผลักดันงานของรัฐบาลจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากเพื่อนส.ส. จึงจะใช้โอกาสนี้เพื่อพูดคุยกัน

เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านใช้วิธีนี้ทุกสัปดาห์จะแก้ไขปัญหาอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านในการนับองค์ประชุมหรือเดินออกนอกห้องประชุมสภา ซึ่งเราต้องยอมรับสิทธิของฝ่ายค้าน แต่ได้ขอความร่วมมือจากประธานวิปฝ่ายค้านไปว่าในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ต้องหารือถึงเรื่องงบประมาณกลางปีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ การประชุมอาเซียน ซึ่งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายค้าน แต่ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐบาลจะต้องมีความพร้อมของตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเอง

มีงานหลายอย่างที่ประชาชนต้องการเห็นความก้าวหน้า อาทิ ฟื้นเศรษฐกิจ ผ่านงบประมาณ และผมมั่นใจว่าสมาชิกเสียงส่วนใหญ่จะผลักดันให้ได้ และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากสมาชิกเสียงข้างน้อยด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่าวันนี้ประเทศไทยจำเป็นต้องเดินหน้า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ได้และทำหน้าที่ประธานอาเซียนให้สมบูรณ์

ย้ำเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายรัฐบาล

เมื่อถามว่ารัฐบาลมั่นใจว่าฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือในการประชุมสภาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าได้คุยกับประธานวิปฝ่ายค้านแล้ว และท่านรับที่จะไปพูดคุยกับสมาชิกฝ่ายค้าน แต่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเอง ขณะเดียวกันก็ต้องแสวงหาความร่วมมือในเรื่องแบบนี้ เมื่อถามต่อไปว่า ผู้นำฝ่ายค้านยังไม่มีความชัดเจนจะทำให้รัฐบาลมั่นใจได้อย่างไรว่าฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าประธานวิปฝ่ายค้านรับปากว่าจะไปพูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในของเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่าในสัปดาห์หน้าจะมีกฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะกฎหมายเศรษฐกิจเข้าสภา จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสภาจะไม่ล่มอีก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เย็นวันเดียวกันนี้จะต้องย้ำกับเพื่อนสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลว่ากฎหมายที่จะเข้าสภามีความสำคัญต่อการดำเนินโครงการทั้งหมดของรัฐบาล ซึ่งประชาชนเร่งรัดสอบถามมามาก ไม่ว่าจะเป็นเบี้ยยังชีพ เรียนฟรี การอบรมคนว่างงาน เศรษฐกิจพอเพียง ส.ส.ทุกคนก็น่าจะได้รับคำถามจากประชาชนในพื้นที่ว่าสิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะเดินหน้าได้เมื่อใด ดังนั้นทุกคนน่าจะเข้ามาช่วยกันเพื่อผ่านสิ่งเหล่านี้ไปให้ได้

ขอโอกาสให้วิป

ผู้สื่อข่าวถามว่าตรงนี้สะท้อนเสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่มั่นคงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าความจริงเป็นปัญหาที่เผชิญกันมาหลายรัฐบาลตั้งแต่รัฐบาลนายกฯชวน 2 รัฐบาลนายกฯทักษิณ รัฐบาลนายกฯสมัคร และรัฐบาลนายกฯสมชาย ดังนั้นเป็นหน้าที่ของการจัดระบบส.ส.ที่จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าได้ ส่วนความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างพรรค ทำงานร่วมกันมาทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เมื่อถามถึงกรณีที่ประธานวิปรัฐบาลจะรื้อฟื้นมาตรการห้องเย็นมาใช้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าให้วิปรัฐบาลไปดูแลกัน ซึ่งเขาคงจะมีวิธีการ และแต่ละพรรคคงจะมีวิธีการของตัวเอง เป็นหน้าที่ของวิปที่จะพิจาร ณาว่าสมควรอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์บ่ายวันที่ 25 ม.ค.จะหารือกัน อย่างไรก็ตามวิปเพิ่งเริ่มต้นทำงาน แต่เหตุการณ์เมื่อเย็นวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมานั้นเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง เพราะไม่ได้คิดว่าวาระจะมีปัญหาอะไร เพราะปกติการนับองค์ประชุมมักจะเกิดปัญหาขึ้นในช่วงที่มีความขัดแย้งต่อเรื่องที่จะทำ ก็เห็นใจวิป ไม่ใช่เรื่องที่เราจะประมาท แต่จะต้องปรับปรุงและทำให้ดียิ่งขึ้น

ชี้ม็อบต้องอยู่ในขอบเขต

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีถูกกลุ่มเสื้อแดงล้อมกรอบที่จ.เชียงใหม่ ว่า เคยเรียนไปแล้วว่าจะดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทราบว่ามีผู้ไปออกข่าวเหมือนกับว่ามีคนเสียชีวิต ก็ตกใจเพราะได้ให้นโยบายไปชัดเจนว่าต้องไม่ใช้ความรุนแรง แต่สุดท้ายก็ทราบว่าไม่มีเหตุการณ์แบบนั้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายใช้สิทธิ์ของตนเองให้อยู่ในขอบเขต ขณะที่เจ้าหน้าที่จะดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงตามนโยบายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ต้องพยายามเข้มงวดกวดขันให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดการปะทะหรือเหตุความรุนแรง

เมื่อถามว่าล่าสุดเป็นปัญหาระหว่างกลุ่มคนกับกลุ่มคนไปแล้วไม่เพียงแต่ปัญหาระหว่างกลุ่มคนกับรัฐบาลเท่านั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอให้แต่ละฝ่ายใช้สิทธิ์อยู่ในขอบเขตของตัวเอง หากกลุ่มอื่นเขาใช้สิทธิ์ก็อย่าไปมีปัญหากัน และเจ้าหน้าที่เองต้องดูแลไม่ให้เกิดการปะทะ ขณะนี้ต้องกำชับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไป เพราะหากไม่สามารถดูแลไม่ให้เกิดการปะทะได้ก็จะเกิดคดีความเช่นในอดีต

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์กำลังถูกคนเหนือต่อต้านเหมือนกับรัฐบาลทักษิณที่ถูกคนใต้ต่อต้านใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น แสดงความคิดเห็นมาตลอดว่าทุกคนควรมีสิทธิ์ในการไปปฏิบัติภารกิจได้ การไปชุมนุมเพื่อแสดงออกนั้นทำได้แต่อย่าถึงขั้นที่จะทำให้กระทบต่อการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เช่นขณะที่เขาจัดงานอยู่ก็สามารถไปชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นได้ที่หน้างานจะถือป้ายหรือปราศรัยก็ทำได้ แต่อย่าถึงขั้นบุกไปในงานเขา เมื่อถามว่าจะใช้วิธีใดพูดคุยกับคนไทยในแต่ละภาคที่ยังไม่เข้าใจรัฐบาลอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องนี้มีความก้าวหน้าโดยลำดับบุคคลที่เคลื่อนไหวรวมกลุ่มเป็นการเฉพาะ การเคลื่อนไหวมีอยู่ตลอดเวลา แต่ต้องลดเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้นหากดำเนินการและทำงานต่างๆไปพร้อมกับการพูดคุยกับประชา ชนอย่างตรงไปตรงมาคิดว่าดีที่สุด

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะขอให้กลุ่มเพื่อนเนวินช่วยพูดคุยทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวอีสานหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ขณะนี้การทำงานไม่มีปัญหา แม้จะมีการชุมนุมหรือเรียกร้องบ้างก็ยังทำงานกันไปได้ ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด

ยันให้ความเป็นธรรมแม้วตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนตัวนายกฯเคยคิดจะพูดคุยเจรจาทำความเข้าใจกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีประเด็นอะไรซับซ้อน ผมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลให้ความเป็นธรรม ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย

เมื่อถามว่าล่าสุดพ.ต.ท.ทักษิณยังไม่หยุดการเคลื่อนไหว พร้อมกล่าวหาว่ารัฐบาลเกิดขึ้นได้เพราะได้รับการสนับสนุนจากหลายองค์กร นายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าทุกคนในประเทศขณะนี้ทราบข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลนี้มาตามวิถีทางรัฐสภาและรัฐธรรมนูญ เป็นแนวทางที่ปฏิบัติกันในระบบรัฐสภาทั่วโลก คือเสียงข้างมากของรัฐสภา สามารถเลือกสนับสนุนรัฐสภาและเปลี่ยน แปลงได้ เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ขณะเดียวกันเมื่อรัฐบาลตั้งขึ้นมาได้เดินหน้าทำงานหลายเรื่อง ซึ่งประชาชนรอคอยมาตรการต่างๆอยู่ในขณะนี้ คิดว่าเป็นข้อเท็จจริงที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่จะมีบุคคลหรือใครเห็นเป็นอย่างอื่นเขาก็มีสิทธิ์พูด

ผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคิดว่าเกิดจากการที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือเพราะความไม่เข้าใจของประชาชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่าคงมีทั้งประเด็นทางการเมืองและมีประเด็นที่กลุ่มคนมีความรู้สึก และมีความเข้าใจทางการเมืองที่เป็นความเชื่อของเขาซึ่งต้องเคารพความแตกต่างตรงนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณเปรียบเปรยตัวเองว่าเป็นนกขมิ้นไร้รัง นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามได้แต่เพียงส่งยิ้มให้กับผู้สื่อข่าว โดยไม่พูดอะไร เมื่อถามต่อว่าในฐานะนายกฯและคนไทยด้วยกัน ถ้าจะต้องพูดกับพ.ต.ท.ทักษิณแล้วอยากพูดอะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลให้ความเป็นธรรมกับคนไทยทุกคน ท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งเราก็ให้ความเป็นธรรมกับท่านครับ ตามกฎหมาย

ปัดตอบนามบัตรมท.2-ลั่นวิฑูรย์ต้องแจง

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเหมาะสมกรณีที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทยและภรรยาร่วมกันแจกเงินพัฒนาสังคมช่วยเหลือคนจน ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พร้อมทั้งแนบนามบัตร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบ และเดี๋ยวจะไปตรวจสอบ

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พยายามหลบเลี่ยงหรือให้สัมภาษณ์กรณีความไม่ชอบมาพากลในการแจกปลากระป๋องตราชาวดอยว่า ต้องตอบคำถามครับ ในที่สุดแล้วรัฐมนตรีต้องตอบและผมเองก็กำลังตรวจสอบข้อมูลอยู่ ซึ่งคงมีข้อสรุปในทางที่เหมาะสม

นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีที่อดีตนายกฯทักษิณโฟนอินเข้ามาว่ามีผู้ใหญ่ 3 ท่านหนุนหลังนั้น ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากรัฐบาลได้มาจากเสียงข้างมาก และจากปัญหาเศรษฐกิจโลกมีปัญหามาก และมีความเป็นห่วงว่าในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไปสภาวะเศรษฐกิจจะย่ำแย่ไปกว่านี้มาก ขอให้ทุกฝ่ายคิดในแง่ดีช่วยกันหามาตรการพยุงเศรษฐกิจ สำหรับนโยบายที่ออกมาเป็นการพยุงเศรษฐกิจได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะทวีความรุนแรงมาก เช่นการส่งออกไปอเมริกา และยุโรป ในขณะนี้ลดน้อยขาดหายลงไปถึงร้อยละ 40 และคาดว่าในปีหน้าการส่งออกอาจจะติดลบด้วยซ้ำ ขอให้ทุกฝ่ายเตรียมการแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่จะรุนแรงถึงระดับรุนแรงที่สุด จึงอยากให้ทุกฝ่ายพูดเรื่องการเมืองให้น้อยลงหันมาคิดถึงปากท้องของประชาชนให้มาก

จุติจี้มาร์คเผยตัวเลขเศรษฐกิจของจริง

เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปตย์ กล่าวว่าขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แท้จริงทั้งหมดให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2552-2553 เนื่องจากวันนี้การเปลี่ยนแปลงตัวเลขทางเศรษฐกิจเลวร้ายกว่าที่ประมาณการไว้มาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก ดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลการค้า การจัดเก็บรายได้ในปี 52 ไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้มีแนวคิดในการจัดเก็บภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ซึ่งต้องใช้เวลาดำเนินการ แต่ก็ดีกว่าไม่คิดทำอะไรเลย อย่างไรก็ตามรัฐบาลสามารถขยายฐานภาษี ด้วยการเก็บภาษีในส่วนอื่นๆ ที่ยังเก็บภาษีไม่เต็มเพดาน เช่น ภาษีเหล้าและบุหรี่

ที่ผ่านมานายกฯไม่ได้ประเมินอะไรผิดพลาด แต่เป็นการอ้างอิงข้อมูลเดิมจากไตรมาสที่ 3 แต่ถึงวันนี้ธปท.มีตัวเลขไตรมาสที่ 4 ออกมาแล้ว ดังนั้นจะต้องเตือนประชาชน บอกความจริงให้ประชาชนทราบ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าที่รัฐบาลจะกอบกู้เพียงลำพัง รัฐบาลจะต้องบอกว่ามีมาตรการที่ชัดเจนอะไรมารองรับ หรือบรรเทาปัญหาที่จะเกิดขึ้น จะหารายได้มาจากไหน เพราะผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะยาวไปถึงปี 2553 คนจะตกงานมาก ผมเชื่อว่าเร็วๆนี้นายกฯคงจะบอกข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ประชาชนได้รับทราบ เชื่อว่ารัฐบาลมีมาตรการมารองรับอยู่แล้ว แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าแนวทางรอดขณะนี้มีอยู่ทางเดียว คือเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งนายกฯจะต้องกำชับให้ทุกหน่วยงานรณรงค์ในเรื่องนี้ นายจุติกล่าว

นายจุติกล่าวด้วยว่า วันนี้เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย คู่ค้าของไทยไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ญี่ปุ่น จีน เยอรมันตะวันตก สหภาพยุโรป(อียู) ล้วนมีปัญหา ทุกประเทศจะแข่งกันตัดราคาสินค้าเกษตร การค้าระหว่างประเทศจะหดตัวรุนแรง ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีเข้ามามีบทบาทอย่างมาก

เทือกป้องบุญจงไม่ผิด

เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และภรรยา แจกเงินเบี้ยยังชีพของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พร้อมกับแนบนามบัตรนายบุญจงว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ วิจารณ์ ไม่ได้ แต่เคยเห็นสมัยก่อนตอนแจกเอกสารสิทธิก็ให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงอื่นช่วยแจกเพราะคนรับก็รู้สึกเป็นเกียรติ ปัญหาคือว่าสมมติรัฐบาลให้เงินไป 500 บาท ใครจะอม 100 บาท แล้วแจก 400 บาท อย่างนั้นถือว่าเป็นความผิด นอกนั้นไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิด

เมื่อถามว่าการทำเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าต้องไปถามรมช.มหาดไทย ส่วนจะบอกว่าเหมาะหรือไม่คงบอกไม่ได้ พูดมากเดี๋ยวเขาก็โกรธเอา เพราะไม่ใช่เรื่องของผม ไม่รู้เขาคุยเรื่องอะไร และการที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย นายบุญจง และนายเนวิน ชิดชอบ ไปหารือกันที่จ.โคราช ก็ไม่รู้เรื่องอะไร อาจจะไปนัดทอดกฐิน ทำบุญวันเกิดผมก็ไม่ทราบ เพราะเป็นวันเสาร์ใครจะไปไหนก็ได้

ชี้ปลากระป๋องเน่าต้องฟังวิทูรย์ก่อน

เมื่อถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องหารือกับพรรคร่วมถึงการทำงาน นายสุเทพกล่าวว่าคงไม่จำเป็น แต่ละคนก็คิดเอาเองว่าต้องทำแค่ไหน เหมาะสมไม่สมอย่างไร เมื่อถามว่าการกระทำของพรรคร่วมจะทำให้รัฐบาลตกต่ำลงไปหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าอย่าไปกล่าวหาเขาอย่างนั้น ยังไม่มีใครทำให้อะไรตกต่ำ ส่วนที่เขาวิจารณ์กันนั้น คิดว่าแต่ละคนคงได้ยิน

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ปัญหาปลากระป๋องเน่า นายวิฑรูย์ นามบุตร รมว.การพัฒนาฯจะชี้แจงได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าไม่ทราบ ยังไม่ได้ฟังว่าจะชี้แจงอย่างไร ต้องรอดูก่อนว่าชี้แจงแล้วจะรับฟังได้หรือไม่ เมื่อถามว่า หากชี้แจงแล้วสังคมยังติดใจจะต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าอย่าเพิ่งไปพูดถึงขนาดนั้น รอให้ชี้แจงก่อน เมื่อถามว่าหากนายวิฑูรย์ชี้แจงแล้วสังคมยังไม่เข้าใจจะปรับครม.หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าไม่ทราบ เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ ต้องคอยดูรอต่อไป อย่าเพิ่งพูดว่ามีความพยายามหาตัวคนมารับผิดชอบแทน

จ้อนาทีโดนล้อมที่มช.

นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีถูกกลุ่มคนรักเชียงใหม่ 51 ปิดล้อมระหว่างเข้าร่วมงานราตรีอ่างแก้ว 2552 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสถาปนา มหาวิทยาลัยลัยเชียงใหม่ครบ 45 ปี ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าไปร่วมงานในฐานะศิษย์เก่า เพราะอาจารย์และเพื่อนอยากให้ไปร่วมงาน เมื่อไปถึงก็มีเพื่อนมารับ พอรู้ว่ากลุ่มคนใส่เสื้อแดงมาต่อต้านก็พยายามเลี่ยงเพราะไม่ประสงค์จะยั่วยุหรือท้าทาย ยึดหลักหลบหลีกไม่มีปัญหาจะดีกว่า แต่อยู่ที่นั่นมาก่อนจึงรู้ทางหนีที่ไล่ดี

กลุ่มเสื้อแดงก็พยายามจะเข้าไปถึงหน้าหอประชุม และพยายามบุกเข้าไปข้างใน จะให้ทางมหาวิทยาลัยยกเลิกการจัดงาน แต่เขาไม่ยอม ผมอยู่ร่วมงานได้สักพักประมาณ 2 ทุ่มก็เดินทางกลับในเที่ยวบิน 3 ทุ่ม สรุปว่าผมและกลุ่มเสื้อแดงไม่เจอหน้ากัน แต่เมื่อรู้ว่ามีคนมาชุมนุมต่อต้านก็บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาดูแลความสงบ แต่ได้ห้ามไม่ให้ใช้อาวุธและความรุนแรง นายสุเทพกล่าว และว่าโดยก่อนขึ้นเครื่องตำรวจได้มารายงานให้ทราบว่ามีคนขับรถฝ่าด่านตำรวจเข้าไป ทำให้ผู้ชุมนุมหลายคนวิ่งกรูเข้าไปจนทะลุด่านถึงหน้าหอประชุม ตำรวจจึงควบคุมตัวคนขับไว้ แต่เขาปฏิเสธว่าไม่ใช่คนเสื้อแดง เพียงแต่ตกใจ ซึ่งตำรวจก็เชื่อและปล่อยตัวไป

เชื่อสังคมจะบอกให้ม็อบหยุดเอง

เมื่อถามว่ากังวลต่อการเดินทางไปภาคเหนือ และภาคอีสานหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่กังวลใจอะไร ต้องไปให้ได้ทุกจังหวัด แต่ก็ยึดหลักไม่ไปทำลาย หรือปะทะกับใคร เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ อย่างที่ จ.เชียงใหม่ อยู่ที่นั่นมา 5 ปี รู้จักคนเชียงใหม่ดีส่วนใหญ่อัธยาศัยโอบอ้อมอารี ไม่ก้าวร้าว กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องของคนส่วนใหญ่ เป็นเรื่องของคนที่ติดกับการเมืองหรือถูกจัดตั้งโดยกระบวนการทางการเมือง และพยายามแสดงออก ทำให้คนเชียงใหม่อึดอัดใจ ไม่พอใจ แต่ก็ต้องค่อยๆอธิบาย เชื่อว่าในที่สุดสังคมจะบอกกับคนเหล่านี้เองว่าควรจะต้องหยุดขบวนการที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปแต่ละพื้นที่ก็ต้องระมัดระวัง ต้องอดทนอดกลั้น และยอมที่จะลำบากในการเดินทาง พยายามไม่ให้มีการปะทะกัน

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพิจารณาเอาเอง แต่เท่าที่สังเกตตำรวจในเชียงใหม่มีความใกล้ชิดกับมวลชนดี เพราะรู้จักกัน พูดจากันรู้เรื่อง

ประชดตร.เกี้ยเซี้ย-คุยผู้ชุมนุมรู้เรื่อง

ตอนแรกเขาพยายามทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ว่าตำรวจไปยิงยางรถยนต์ของประชาชน จะเอาเรื่องเอาราว แต่ในที่สุดก็เกี้ยเซี้ยกันได้ ไม่เอาผิดและตำรวจก็เชื่อง่ายๆว่าคนที่มาไม่ใช่กลุ่มเสื้อแดง ทั้งที่เมื่อเช้าผมดูโทรทัศน์ก็เห็นรู้ถ่ายชัดเจน ว่าคนขับรถฝ่าด่านตำรวจถอดเสื้อแดง จึงสันนิษฐานว่าเขารู้จักกันดี แต่ไม่มีมาตรการอะไรเป็นพิเศษ ถ้าเจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมายก็แล้วไป แต่หากทำผิดจากขอบเขตของกฎหมาย หรือแนวนโยบายก็ต้องดำเนินการ

เมื่อถามว่าถือเป็นการหย่อนยานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายสุเทพกล่าว่า เจ้าหน้าที่อาจทำงานยากแต่เชื่อว่านานไปคงจะหาวิธีทำงานให้สำเร็จได้ ส่วนเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ยังทำงานกับกลุ่มอำนาจเดิมหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อาจเป็นไปได้แล้วเกิดความเกรงอกเกรงใจกัน ถ้าจะว่าไปเจ้าหน้าที่อาจอ้างได้ว่า ตนสั่งไม่ให้ใช้กำลัง อย่างไรก็ดียิ่งทำไปก็ยิ่งเสื่อมประชา ชนเอือมระอา คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองวุ่นวายก็จะเบื่อหน่าย

เมื่อถามว่าเพราะเหตุใดยังมีมวลชนเสื้อแดงออกมาในหลายพื้นที่ นายสุเทพกล่าวว่า สัญญาณที่ส่งไปคงไม่แรงพอ ต่อไปคงจะส่งสัญญาณให้เร็วกว่านี้ ส่วนจะเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เชือดไก่จนจะหมดเล้าแล้ว แต่ลิงยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ 80 เปอร์เซ็นต์ยังเป็นคนของเขาอยู่ ถ้าจะย้ายออกทั้งหมดก็คงต้องไปอยู่ประเทศลาว

อัญชลี พธม.โต้ไม่ได้ไปเชียงใหม่

จากกรณีมีรายงานข่าวว่า กลุ่มม็อบเสื้อแดงเชียง ใหม่ ไปชุมนุมกันที่ถนนปากทางเข้าออกท่าอากาศ ยานเชียงใหม่ เพื่อขับไล่นายสุเทพที่เดินทางมาร่วมงานราตรีอ่างแก้ว เนื่องในวันสถาปนาครบ 45 ปี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนตำรวจนำกำลังมาปิดล้อมที่หอประชุมที่จัดงาน ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด เมื่อ 24 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ ของกลุ่มพันธมิตร กล่าวว่า ตนไม่ได้เดินทางไปกับนายสุเทพ ตามที่มีข่าวออกมาแต่อย่างใด โดยอัดรายการอยู่กับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ตั้งแต่ 7 โมงเช้า แล้วก็ไปอัดนอกสถานที่ที่เยาวราช ไม่ได้ไปเชียง ใหม่ และไม่ได้เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่จบมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และถ้านายสุเทพจะควงใครไปงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คงไม่เลือกตน

สาทิตย์ชี้ต้องมีกฎหมายคุมทีวีดาวเทียม

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการโฟนอินพ.ต.ท.ทัก ษิณว่า เท่าที่ติดตามตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องการโจมตีรัฐบาลเดิมๆ เป็นข้อกล่าวหาเดิม เช่น อ้างว่ารัฐบาลไม่ได้มาจากความชอบธรรม ยืนยันว่ารัฐบาล ชุดนี้มาจากความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ มีเสียงข้างมากของรัฐสภา ส่วนเนื้อหาเรื่องอื่นๆก็เป็นการโจมตีสถาบันต่างๆอย่างที่ท่านเคยทำมาในอดีต ซึ่งก็คงไม่มีผลต่อการทำงานของรัฐบาล แม้แต่การจัดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีผล

นายสาทิตย์กล่าวถึงการใช้สื่อที่ออกอากาศในประเทศและโจมตีรัฐบาลว่า เป็นเรื่องเดิมๆที่ต้องติดตามตรวจสอบ เท่าที่ดูเนื้อหาก็ไม่มีอะไร คิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณต้องการใช้พื้นที่ของสื่อเพื่อเกาะกระแสรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกรัฐมนตรี เป็นเหมือนการแสดงตัวตนว่าท่านยังอยู่ ส่วนเรื่องก็ไม่มีอะไรมาก เรื่องนี้ดีทีวีสามารถใช้ช่องว่างทางกฎหมายเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้ออกอากาศในรายการได้ หากดำเนินการเรื่องนี้ไปก็จะมีทีวีดาวเทียมอีก 20 กว่าช่องได้รับผลกระทบ ต้องไปเร่งรัดพ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่โดยเร็ว เพื่อจะได้กำกับควบคุม หากมีกฎหมายออกมาจะทำให้กฎหมายประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ออกใช้ ซึ่งตัวกฎหมายจะควบคุมบางประการและจะส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในตัวกฎหมาย ขณะนี้ต้องแยกออกจากกันระหว่างการกำกับดูแลกฎหมาย ซึ่งยังเป็นปัญหาว่าไม่มีกฎหมายโดยตรงกับตัวเนื้อหา พ.ต.ท.ทักษิณคงใช้กลยุทธ์ในการใช้พื้นที่สื่อโจมตีรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลเองก็ไม่มีปัญหาและไม่ได้รับการกระทบต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาล ให้มองว่าเป็นการโฟนอินธรรมดาของคนที่ได้รับความรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม

ณัฐวุฒิบี้สุเทพใครสั่งยิงที่เชียงใหม่

เวลา 11.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีที่มีการยิงใส่กลุ่มคนเสื้อแดงที่จ.เชียงใหม่ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ภายใต้กฎหมายคือการชุมนุมโดยสงบ ถือว่ามีสิทธิที่จะกระทำได้ หากละเมิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิที่จะดำเนิ นการตามกฎหมายได้ภายใต้หลักสากลที่ควรปฏิบัติ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปืนของจริงยิงใส่รถของประชาชน อยากถามกลับไปยังรัฐบาลว่า หมายความว่าอย่างไร จากการสอบถามผู้ชุมนุมทราบว่า ผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้ว 2 ด่าน และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเข้าใส่ในด่านที่ 3 จึงอยากถามนายสุเทพซึ่งอยู่ในสถานที่เกิดเหตุว่า ใครเป็นผู้สั่งการ เพราะเมื่อเปรียบเทียบการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ขับรถชนตำรวจ ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นายสุเทพยังออกมาปกป้อง ในกรณีเดียวกันประชาชนถูกยิง จึงอยากทราบว่ารัฐบาลจะจัดการอย่างไร

ผมไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยิงใส่ประชาชน โดยไม่ได้รับคำสั่งจากใคร หรือไม่มีคนที่มีอำนาจ เป็นผู้สั่งการ ขณะเดียวกันนายอภิสิทธิ์เรียกร้องเสมอว่าการดูแลผู้ชุมนุมนั้น ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย จึงอยากทราบว่ามาตรฐานอยู่ที่ใด หรือตอบไม่ได้แล้วว่าทำอะไรผิดกฎหมาย ทำอะไรไม่ผิดกฎหมาย เหมือนที่ตอบร.ต.อ.เฉลิม ในสภาไม่ได้ว่า การปิดสนามบิน ยึดทำเนียบผิดกฎหมายหรือไม่ อยากเรียกร้องว่าคนที่มาเป็นรัฐบาลนั้น ควรปากตรงกับใจ และเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะสู้หน้าประชาชนได้ นายณัฐวุฒิกล่าว

จตุพรยันเสื้อแดงชุมนุมใหญ่31ม.ค.

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดงกำลังเจรจากับองค์กรเพื่อประชาธิปไตยในระดับนานาชาติหลายองค์กรเพื่อขอความสนับสนุนการเคลื่อนไหวในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อแต่ละองค์กรได้ เพราะหากยังเจรจาไม่สำเร็จแล้วไปเปิดเผยชื่อ จะกลายเป็นการอ้างชื่อเพื่อผลทางการเมือง แต่การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงสามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง และนายอภิสิทธิ์บอกเองว่า มีกฎหมายตรวจสอบเส้นทางทางการเงินได้ ก็พร้อมให้ตรวจสอบอย่างเต็มที่ นอกจากระดมทุนจากองค์กรนานาชาติแล้ว ยังจัดตั้งกลุ่มคนเสื้อแดงในหลายประเทศ เช่น กลุ่มพลังไทยยูเอสเอ, กลุ่มเสื้อแดงนิวยอร์ก และ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook