ประภัสร์ น้ำตาจะไหล บ่น เซ็ง ! เห็นด้วย ข่มขืนเท่ากับประหาร ถ้าเป็นตัวเองเอาปืนยิงกระบาล !!!

นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีมีการข่มขืนเกิดขึ้นบนรถไฟว่า หากเป็นกรณีปกติคนทั้งโบกี้จะต้องได้ยิน แต่วันนั้นมีการทำร้ายร่างกายก่อน ทั้งนี้จะดำเนินการตรวจสอบประวัติ และการรับเข้าทำงานของคนร้ายด้วย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2544 โดยยังมีคดีแพ่งค้างอยู่ เนื่องจากทางการรถไฟไม่จ่ายค่าเสียหายโดยอ้างว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ตนมองว่าเรื่องเกิดบนรถไฟ การรถไฟจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และคนที่ก่อเหตุข่มขืนควรมีบทลงโทษให้มากที่สุด ซึ่งการออกกฎหมายมาใช้บางจุดอาจทำได้ยาก แต่ควรทำให้ใช้ได้ทั้งประเทศ

ส่วนการเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยนั้น ตำรวจรถไฟไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงานอยู่แล้ว เนื่องจากมีเพียง 44 อัตรา และยังขาดเกือบร้อยอัตรา โดยจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

ส่วนกระแสข่าวที่ให้ลาออกจากตำแหน่งนั้น นายประภัสร์ จงสงวน ระบุว่า การลาออกไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่การดำเนินการไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นอีกเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าและเข้าใจญาติผู้ตายที่ไม่พอใจ เนื่องจากตนก็มีลูกสาว ทั้งนี้ประเทศไทยไม่มีการคิดเรื่องการป้องกันไว้ล่วงหน้า ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

นอกจากนี้ที่มีการเสนอให้ติดตั้งกล้อง cctv บนรถไฟพบว่ามีปัญหาเยอะ ทั้งภาพที่มีความสะเทือนและอาจจะลุกล้ำความเป็นส่วนตัวได้ และตอนนี้ได้สั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนำเครื่องดื่มแอกอฮอล์ขึ้นไปยังขบวนรถไฟแล้ว ซึ่งแม้จะกระทบกับยอดขายของทางร้านค้าบริเวณชานชาลาก็ต้องทำ โดยจะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนเข้าพรรษานี้

ทั้งนี้ในส่วนของมาตรการการช่วยเหลือญาติผู้เสียหาย ได้ดำเนินการจัดเป็นเจ้าภาพงานศพแล้ว ส่วนการเยียวยา ขอให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน เนื่องจากอาจกำลังอยู่ในความโศกเศร้าไม่ควรพูดถึงเรื่อวดังกล่าว

ส่วนการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นพนักงงานนั้น จะต้องจัดระเบียบใหม่ ซึ่งตอนนี้จะมีมาตรการชั่วคราวให้พนักงานตำแหน่งสุดสุดดูแล และในช่วงกลางคืนจะให้พนักงานรวมอยู่ในจุดเดียวกันไม่ให้เพ่นพล่าน และจะจัดให้มีโบกี้สตรีและเด็กเพิ่มด้วย