สาว ป.โท ผู้เสียหายคดีข่มขืนบนรถไฟ ยื่นหนังสือหัวหน้า คสช.

สาว ป.โท ผู้เสียหายคดีข่มขืนบนรถไฟ ยื่นหนังสือหัวหน้า คสช.

สาว ป.โท ผู้เสียหายคดีข่มขืนบนรถไฟ ยื่นหนังสือหัวหน้า คสช.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บก.ทบ. 22 ก.ค.-สาว ป.โท ผู้เสียหายคดีข่มขืนบนรถไฟ 13 ปีก่อน ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับหัวหน้า คสช.เร่งรัดคดีแพ่งที่ฟ้องการรถไฟฯ และจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมจี้ปฏิรูปองค์กรการรถไฟฯ ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมให้รวดเร็วและเป็นธรรมกับผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายขณะดำเนินคดี

น.ส.ขวัญ (นามสมมติ) สาว ป.โท ผู้เสียหายคดีข่มขืนบนรถไฟ 13 ปีก่อน เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ผ่านพล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เพื่อร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหายของการรถไฟฯ กับจำเลยในคดีแพ่งที่ล่าช้า และเสนอแนวทางการดำเนินการป้องกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งการเสนอให้ปฏิรูปองค์กรโครงสร้างของการรถไฟฯ ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การคัดเลือกพนักงาน การรับผิดชอบกับผู้ใช้บริการในทุกกรณี

นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการปรับปรุงระบบการคุ้มครองและเยียวยาทางสังคม เน้นความปลอดภัยของเด็กและสตรีในทุกแห่ง ระบบการเยียวยา และช่วยเหลือผู้เสียหายต้องรวดเร็วและมากพอ รวมทั้งขอให้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมในคดีทางเพศให้เอื้อต่อผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงด้วย

ทั้งนี้ ในหนังสือได้อ้างถึงคดีหมายเลขดำที่ 5918/2545 และคดีหมายเลขแดงที่ 9850/2546 ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ระบุว่าตามที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 8 มีนาคม 2555 ที่ได้อ่านเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดให้แก่โจทก์ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (จำเลยที่ 2) ได้ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โดยประสงค์ที่จะขอทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างฎีกา เนื่องจากจำเลยที่ 2 อ้างว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ ได้รับงบประมาณมาจากภาษีของประชาชนเพื่อมาพัฒนากิจการของจำเลยที่ 2 ในการบริการประชาชน เพื่อดำเนินการขนส่งในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าต่อไปนั้น ดิฉัน ในฐานะโจทก์ ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ได้รับความบอบช้ำทั้งทางร่ายกายและจิตใจ จึงขอความเป็นธรรมมายังท่าน เพื่อพิจารณาดำเนินการตรวจสอบและเร่งรัดคดี เนื่องจากคดีนี้ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนมาเป็นระยะเวลานานกว่า 13 ปี ซึ่งดิฉันไม่สามารถทราบได้ว่าคดีจะสิ้นสุดลงเมื่อใด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดิฉันได้มีความคิดเห็นดังนี้

1.การรถไฟแห่งประเทศไทย ควรที่จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรในการบริหารงาน ควรกำหนดให้ มีการปฏิรูปการรถไฟและบรรจุอยู่ในวาระแห่งชาติ (เนื่องจากเป็นองค์กรของรัฐ) เพื่อพัฒนาองค์กรให้ไปสู่ความเป็นสากล และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้บริการได้มากขึ้น โดยเฉพาะการบริหารจัดการในส่วนของการให้บริการกับผู้โดยสาร ขั้นตอนการคัดเลือกพนักงาน และผู้ให้บริการระบบสาธารณ ควรมีการจัดทำการประกันชีวิตให้ผู้ใช้บริการในวงเงินที่สูงเพียงพอต่อการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งผู้ให้บริการจะต้องมีหน้าที่ ที่จะต้องรับผิดชอบให้ผู้ใช้บริการในทุกกรณี เพื่อให้ผู้บริการจัดทำระบบรักษาความปลอดภัยแก่ผู้รับบริการอย่างเข้มแข็ง ป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก

2.ควรให้มีการแก้ไขและปรับปรุงระบบการคุ้มครองและเยียวยาทางสังคม โดยเน้นความปลอดภัยของเด็กและสตรี (ในทุกพื้นที่ มิใช่เฉพาะเพียงแค่บนรถไฟ) ขอเสนอให้มีการพิจารณาบทลงโทษที่รุนแรงมากกว่านี้ ต้องมีการดำเนินการจัดการและบำบัดทางจิตแก่ผู้กระทำผิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำซ้ำขึ้นอีก ส่วนในระบบของการเยียวยาและช่วยเหลือผู้เสียหาย การพิจารณาชดใช้ทางแพ่งควรมีความรวดเร็วและเพียงพอ สำหรับผู้ที่ตกป็นเหยื่อ ซึ่งควรมีการดำเนินการทันที และต้องได้รับการบำบัดอย่างเป็นขั้นตอน โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ

และ 3.ขอให้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้หญิงที่เป็นผู้เสียหายในคดีทางเพศด้วย เนื่องจากค่อนข้างล่าช้ามากในแต่ละขั้นตอน และยังมีวิธีการที่ไม่เอื้อต่อผู้เสียหาย ทั้งสร้างความอับอาย กระทบกระเทือนจิตใจซ้ำ โดยเฉพาะในการสอบสวนและการสืบพยานในชั้นศาล ส่งผลให้ผู้เสียหายรู้สึกไม่มั่นใจต่อกระบวนการว่าจะได้รับความเป็นธรรม จนหลายคนไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดี และเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ ทำให้ผู้กระทำผิดไปกระทำกับผู้หญิงรายอื่นได้อีก.-สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook