อพยพแรงงานไทยกว่า4,000คนออกจากกาซา

อพยพแรงงานไทยกว่า4,000คนออกจากกาซา

อพยพแรงงานไทยกว่า4,000คนออกจากกาซา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงเทลอาวีฟ ประสานถึงทางการอิสราเอล ให้ดูแลความปลอดภัย พร้อมอพยพแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบ กว่า 4,000 คน

เว็บเพจของสถานทูตไทยในอิสราเอล ที่ใช้ชื่อว่า ทุกเรื่องเมืองยิว รายงานว่า แรงงานไทยที่เสียชีวิต ชื่อ นายนรากร กิตติยังกุล อายุ 36 ปี ชาว อ.ปัว จ.น่าน ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดของจรวดจากเหตุการณ์โจมตีทางอากาศเมื่อวานนี้ (23 ก.ค. 2557) เวลาประมาณ 12.15 น. ตามเวลาในอิสราเอล หรือประมาณ 15.00 น. ตามเวลาไทย ซึ่งผู้เสียชีวิตทำงานอยู่ที่โมชาฟเนติฟฮาซาร่า เขตฮอฟ แอชเคล่อน ใกล้เขตกาซา โดยอยู่ห่างจากกรุงเทลอาวีฟ ประมาณ 70 กม. ทางสถานทูตได้ประสานกับตำรวจสากลและทางการอิสราเอลที่เกี่ยวข้อง ในการจัดการศพรวมทั้งขอให้ฝ่ายแรงงานประจำสถานทูตแจ้งบริษัทนายจ้างเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ การเตรียมส่งศพกลับประเทศไทย และแจ้งให้ญาติทราบ

กระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอล ระบุว่า ผู้เสียชีวิตและครอบครัวจะได้รับเงินชดเชยค่าเสียหายจากรัฐบาลอิสราเอลอย่างเต็มที่ ตามกฎหมายประกันสังคมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ยังประสานเตรียมนำแรงงานไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังที่ที่มีความปลอดภัย ขณะนี้มีแรงงานไทยในอิสราเอลประมาณ 27,000 คน ซึ่งเป็นแรงงานต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดในอิสราเอล

ขณะที่ นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน มอบให้จัดหางานจังหวัดน่าน แจ้งข่าวกับญาติผู้เสียชีวิต และพร้อมประสานกับทางการอิสราเอล ส่งศพกลับมาประเทศไทย โดยญาติจะได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ 40,000 บาท รวมถึงเงินค่าประกันชีวิตจากบริษัทประกันภัย

ขณะเดียวกัน ให้กรมการจัดหางาน ขอความร่วมมือนายจ้างในอิสราเอลให้แรงงานหยุดทำงานชั่วคราว เพื่อไปพักในที่ปลอดภัย และขอให้สถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล หารือทางการอิสราเอล เคลื่อนย้ายแรงงานที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงจากการสู้รบประมาณ 4,276 คน ออกมาโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งได้ชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในเขตเสี่ยงภัยจากการสู้รบ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงาน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้รายงานความคืบหน้าให้ทราบทันที

 

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook