การลงประชามติสกอตแลนด์เป็นเอกราชคนโหวตตอบ รับ

การลงประชามติสกอตแลนด์เป็นเอกราช คนโหวตตอบ 'รับ' ส่งผลต่อสหราชอาณาจักรโดยรวม

ผลการลงประชามติจะมาจากชาวสกอตและผู้มีถิ่นฐานอยู่ในสกอตแลนด์เท่านั้น แต่การโหวต “รับ” ส่งผลต่อสหราชอาณาจักรโดยรวม และที่จะเปลี่ยนแปลงไปแน่ ๆ ก็คือขนาดของประเทศ จากเดิมที่มีพื้นที่ 243,610 ตารางกิโลเมตร ก็จะเหลือ 164,523 ตารางกิโลเมตร

จากประเทศที่มีประชากรหนาแน่นอยู่แล้วก็จะยิ่งหนาแน่นขึ้นไปอีก อย่างน้อยก็แง่ตัวเลข เพราะปัจจุบันสหราชอาณาจักรมีประชากร 64.1 ล้านคน (ในจำนวนนี้เป็นชาวสก๊อตแค่ 8%) หรือ 263 คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่ลำดับที่ 45 ของโลก ถ้าสกอตแลนด์แยกตัวออกไปพร้อม ๆ กับชาวสก๊อต ความหนาแน่นของประชากรก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 355 คนต่อ 1 ตารางกิโลเมตร ลำดับความหนาแน่นของประชากรก็จะพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 29 ของโลกทันที 

เศรษฐกิจ
สินค้าและบริการที่สกอตแลนด์ผลิตได้คิดเป็น “มวลรวมมูลค่าเพิ่ม” ราว ๆ 106.3 พันล้านปอนด์ “มวลรวมมูลค่าเพิ่ม” คือหลักเกณฑ์ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติใช้ในการบันทึกผลผลิตทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคของสหราชอาณาจักร

ตามสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติ มวลรวมมูลค่าเพิ่มของสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 2012 มีประมาณ 1,383 พันล้านปอนด์ ถ้าสกอตแลนด์และชาวสกอตแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักร จะทำให้จีดีพีของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กล่าวคือถ้าใช้ตัวเลขปี 2012 เป็นเกณฑ์ จีดีพีก็จะเพิ่มจาก 21,287 ปอนด์ต่อหัวเป็น 21,404 ปอนด์ต่อหัวการเมืองที่นั่งของ ส.ส.จากสกอตแลนด์ 59 ที่นั่งจะหายไปจากสภาเวสต์มินสเตอร์ (ปัจจุบันทั้งสภาฯ มี 650 ที่นั่ง เป็นของพรรคคอนเซอร์เวทีฟ 307 ที่นั่ง พรรคเลเบอร์ 258 ที่นั่ง พรรคลิเบอรัล เดโมแครต 57 ที่นั่ง พรรคอื่น ๆ 28 ที่นั่ง) ถ้าชาวสกอตส่วนใหญ่กาบัตร “รับ” ในเดือนกันยายนที่จะถึง และจะส่งผลต่อรัฐบาลในอนาคตอย่างใหญ่หลวง

ถ้าใช้ผลการเลือกตั้งใหญ่ปี 2010 เป็นโจทย์ หักด้วยจำนวนที่นั่งของ ส.ส.จากสกอตแลนด์ในสภาเวสต์มินสเตอร์ไป 59 ที่นั่ง เดวิด แคเมอรอนหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟก็จะครองเสียงข้างมากในสภาอยู่พอประมาณ คือ 21 ที่นั่ง ส่วนพรรคเลเบอร์ก็จะเสียที่นั่งไป 41 ที่นั่ง ขณะที่พรรคลิเบอรัลเดโมแครตจะเสียไป 11 ที่นั่ง