เรืองไกร ร้องป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน นายหัวชวน หลังพบข้อสงสัยเพียบ

เรืองไกร ร้องป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน นายหัวชวน หลังพบข้อสงสัยเพียบ

เรืองไกร ร้องป.ป.ช.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน นายหัวชวน หลังพบข้อสงสัยเพียบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 30 กรกฎาคม นายเรื่องไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ได้ส่งเอกสารทางระบบอีเอ็มเอสไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือมีการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ หรือไม่

โดย นายชวน หลีกภัย ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. ล่าสุดมี 3 ครั้ง คือ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 กรณีพ้นจากตำแหน่งแล้ว 1 ปี ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2555 และ กรณีพ้นจากตำแหน่ง ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2556 ซึ่งตามพ.ร.บ. ป.ป.ช. ต้องแสดงรายได้และรายจ่ายประกอบการแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วย

กรณีเข้ารับตำแหน่ง ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 นายชวน หลีกภัย แจ้งว่า มีรายได้ต่อปี(ประมาณ) คือ รายได้ประจำ (1) เงินบำนาญ 230,000 บาท (2) เงินเดือนตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1,362,720 บาท รวมรายได้ 1,592,720 บาท และ มีรายจ่ายประจำ (1) ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคต่อปี 1,316,154 บาท รายจ่ายอื่นๆ (1) เงินบริจาคร่วมถวายผ้าพระกฐิน 3,000 บาท รวมรายจ่าย 1,319,154 บาท

สำหรับการยื่นแสดงรายการทรัพย์สินนั้นมี 6 รายการซึ่งเมื่อเทียบกับรายการที่ยื่นไว้ ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2554 มียอดเปลี่ยนแปลงเฉพาะรายการเงินฝากเท่านั้น โดยแจ้งยอดเงินฝาก ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 ไว้เป็น 2,111,235 บาท หนี้สินไม่มี

กรณีพ้นจากตำแหน่งแล้ว 1 ปี ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2555 นายชวน หลีกภัย แจ้งว่า มีรายได้ 1 ปี หลังพ้นจากตำแหน่ง คือ รายได้ประจำ (1) เงินบำนาญ 230,400 บาท (2) ชคบ. 80,747.52 บาท (3) เงินเดือนตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1,465,986.10 บาท รวมรายได้ 1,777,133.60 บาท และ มีรายจ่ายประจำ (1) ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคต่อปี 1,306,587 บาท รายจ่ายอื่นๆ (1) เงินบริจาค 18,000 บาท รวมรายจ่าย 1,324,587 บาท

สำหรับการยื่นแสดงรายการทรัพย์สินนั้นมี 6 รายการซึ่งเมื่อเทียบกับรายการที่ยื่นไว้ ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 มียอดเปลี่ยนแปลงเฉพาะรายการเงินฝากเท่านั้น โดยแจ้งยอดเงินฝาก ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2555 2,524,909.90 บาท หนี้สินไม่มี

กรณีพ้นจากตำแหน่ง ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2556 นายชวน หลีกภัย แจ้งว่า มีรายได้ระหว่างดำรงตำแหน่ง คือ รายได้ประจำ (1) เงินบำนาญ 230,400 บาท (2) เงินชคบ. 41,676 บาท (3) เงินเดือนตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1,274,802.58 บาท รวมรายได้ 1,546,878.58 บาท และ มีรายจ่ายประจำ (1) ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคต่อปี 1,200,419.90 บาท รายจ่ายอื่นๆ (1) เงินบริจาค 17,800 บาท รวมรายจ่าย 1,218,219.90 บาท

สำหรับการยื่นแสดงรายการทรัพย์สินนั้นมี 6 รายการซึ่งเมื่อเทียบกับรายการที่ยื่นไว้ ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2555 มียอดเปลี่ยนแปลงเฉพาะรายการเงินฝากเท่านั้น โดยแจ้งยอดเงินฝาก ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2556 ไว้เป็นจำนวนเงิน 3,700,639.10 บาท หนี้สิน ไม่มี (การยื่นครั้งนี้น่าจะเป็นการแสดงรายได้รายจ่ายระหว่างปีเท่านั้น คงไม่ใช่รายได้ระหว่างดำรงตำแหน่งตามที่ระบุไว้แต่อย่างใด แต่คงไม่ใช่สาระสำคัญเพราะที่ข้อมูลเพียงพอที่จะนำไปวิเคราะห์ต่อได้)

นายเรื่องไกร ลีกิจวัฒนะ กล่าวว่า มีข้อมูลที่นำมาเปรียบเทียบรายการเปลี่ยนแปลงในบัญชีทรัพย์สินได้โดยง่ายเพราะมีความเคลื่อนไหวเฉพาะรายการบัญชีเงินฝากเท่านั้นเมื่อนำเงินฝาก ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2556 คือ 3,700,639.10 บาท มาลบด้วยยอดเงินฝาก ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2554 คือ 2,111,235 บาท ยอดทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นสุทธิอยู่ในเงินฝากเป็นเงิน 1,589,404.10 บาท (ยอดเงินฝากวันที่ 9 พฤษภาคม 2555 ไม่จำเป็นต้องนำมาวิเคราะห์)

ทรัพย์สินประเภทเงินฝากที่เพิ่มขึ้น 1,589,404.10 บาท จึงควรได้มาจากรายได้หักด้วยรายจ่ายตามที่แจ้งไว้ แต่เมื่อนำรายได้ที่แจ้งไว้ทั้ง 3 ครั้งมารวมกัน คือ 1,592,720 + 1,777,133.60 + 1,546,878.58 จะได้ 4,916,732.18 บาท และนำรายจ่ายที่แจ้งไว้ทั้ง 3 ครั้งมารวมกัน คือ 1,319,154 + 1,324,587 + 1,218,219.90 จะได้ 3,861,960.90 บาท ดังนั้น เมื่อนำยอดรวมของรายได้หักด้วยยอดรวมของรายจ่าย คือ 4,916,732.18 - 3,861,960.90 จะได้ 1,054,771.28 บาท ซึ่งควรเป็นรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นและทำให้ยอดเงินฝากเพิ่มขึ้นในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน(เพราะอาจมีเรื่องดอกเบี้ยเงินฝากเป็นผลแตกต่างได้)

แต่เมื่อนำรายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้น1,054,771.28 บาท ไปเทียบกับทรัพย์สินสุทธิที่เพิ่มขึ้น 1,589,404.10 บาท จะพบว่ามีผลต่างในบัญชีเงินฝากที่เพิ่มขึ้นมาเกินกว่ารายได้สุทธิประมาณ 534,632.82 บาท (1,589,404.10 - 1,054,771.28) การที่ตัวเลขในบัญชีเงินฝากเพิ่มขึ้นเกินกว่ารายได้สุทธิ 534,632.82 บาท จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายชวน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติตามความใน พรป. ป.ป.ช. มาตรา 4 หรือไม่ หรือการยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวมีการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามความใน พรป. ป.ป.ช. มาตรา 34 หรือไม่

นายเรื่องไกร ลีกิจวัฒนะ กล่าวต่อว่า การมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติหรือไม่ พบว่า สำนักข่าวอิศรา ได้ลงบทความหัวข้อ "10 ปี"ชวน-มาร์ค"บริจาคเงินให้พรรค ปชป.160 ครั้ง ใครมากกว่ากัน?" เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2555 ระบุว่า นายชวน หลีกภัย บริจาคเงินให้พรรคปชป. ปี 2554 จำนวน 6 ครั้ง เป็นเงิน 80,000 บาท ปี 2555 ตั้งแต่ มกราคม ถึง พฤษภาคม จำนวน 5 ครั้ง เป็นเงิน 100,000 บาท

เมื่อตรวจสอบไปยังแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ พบว่า นายชวน หลีกภัย  บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ ปี 2554 เป็นเงิน 90,000 บาท ปี 2555 เป็นเงิน 260,000 บาท ปี 2556 เป็นเงิน 240,000 บาท ดังนั้น เงินบริจาคทั้ง 3 ปี คือ 590,000 บาท ซึ่งเมื่อนำเงินบริจาคที่ไม่ได้แจ้งไว้ไปรวมกับยอดเงินฝากที่เพิ่มขึ้น 534,632.82 บาท ตัวเลขทรัพย์สินที่ควรเพิ่มขึ้นสุทธิคือ 1,124,632.84 บาท (590,000 + 534,632.82) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มีนัยสำคัญที่ควรตรวจสอบต่อไป โดยรายละเอียดตัวเลขเงินบริจาคดังกล่าวจะขอนำส่งในวันที่ ป.ป.ช. เชิญไปให้ถ้อยคำต่อไป

นอกจากนี้ มีการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบหรือไม่ เพราะพบว่า ในรายการทรัพย์สินอื่นนั้น ลำดับที่ 4 คือ พระพุทธรูปประมาณ 200 องค์ ซึ่งไม่ได้แจ้ง วัน เดือน ปี ที่ได้มา และไม่แจ้งมูลค่าไว้แต่อย่างใด กรณีจึงมีประเด็นให้ ป.ป.ช. พิจารณาต่อไปว่า พระพุทธรูป 200 องค์ มีการปกปิดมูลค่าเอาไว้หรือไม่

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook