กฟผ.อนุมัติพันธบัตร5หมื่นล้าน เตือนระวังค่าใช้จ่าย

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ว่า คณะกรรมการ กฟผ.อนุมัติออกพันธบัตรรวดเดียว 50,000 ล้านบาท โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเร็ว ๆ นี้ และเร่งติดตามหนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มาอุดหนุนสภาพคล่อง เพื่อให้ กฟผ.มีความคล่องตัวในการบริหารด้านการเงิน ทั้งในแง่จังหวะที่เหมาะสมในการออกพันธบัตรและยังเป็นผลดีต่อประเทศที่กระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องหนี้สาธารณะของประเทศจะได้บริหารได้ง่ายขึ้น โดยวงเงินดังกล่าว จะนำมาใช้บริหารสภาพคล่องของ กฟผ. ที่เกิดจากการลงทุน การดำเนินกิจการของ กฟผ.เอง ประมาณ 30,000 ล้านบาท และการดูแลภาระค่าไฟฟ้าอัติโนมัติ (เอฟที) ที่คณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้า (เรกกูเลเตอร์) ให้ กฟผ.แบกรับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงไปก่อน 21,000 ล้านบาท

นายพรชัย กล่าวว่า พันธบัตร 50,000 ล้านบาทของ กฟผ. จะทยอยออกในช่วงเหมาะสมและตามความจำเป็น หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง อาจจะไม่ออกครบจำนวนก็ได้ และคณะกรรมการได้สั่งการให้ กฟผ.ทวงหนี้ต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น เช่น หนี้ค่าไฟฟ้าของ กฟภ.ที่มีภาระจากมาตรการ 6 เดือนลดค่าครองชีพ (ส.ค.51-ม.ค.52 ) รวม 7,000 ล้านบาท ที่ กฟภ.ได้เงินชดเชยจากรัฐ แต่ขณะนี้มีการจ่ายหนี้ กฟผ. เพียง 2 เดือนแรกเท่านั้น

นอกจากนี้ ประธานกรรมการ กฟผ.ยังได้กำชับให้ กฟผ.ระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ โดยให้บริหารแบบมีประสิทธิภาพสูงสุด ให้ลดต้นทุนด้านดำเนินการ แต่ไม่ลดค่าใช้จ่ายการพัฒนาบุคลากร เพราะต้องเตรียมไว้ให้พร้อมรับกรณีเศรษฐกิจขยายตัวในอนาคต โดยอัตราการเติบโตของรายได้ กฟผ.ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจชะลอตัวและอากาศหนาวเย็นทำให้การใช้ไฟฟ้าชะลอลงจนบางช่วงไม่มีอัตราเติบโตด้วย

ส่วนผลเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว ทาง กฟผ.ก็ได้ชะลอการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ตามแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี) 15 ปี (ปี พ.ศ.2550-2564) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อเร็วๆ นี้ วงเงินรวม 270,000 ล้านบาท เช่น ชะลอการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 โรง ขณะที่แผนพีดีพีมีการชะลอการลงทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของภาคเอกชน การรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าของ กฟผ.รวม วงเงิน 460,000 ล้านบาท