คลิปฉาว! อ้างเป็นตำรวจ สุ่มค้นยาเสพติดร้านกาแฟผัวเมีย

คลิปฉาว! อ้างเป็นตำรวจ สุ่มค้นยาเสพติดร้านกาแฟผัวเมีย

คลิปฉาว! อ้างเป็นตำรวจ สุ่มค้นยาเสพติดร้านกาแฟผัวเมีย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(7 ส.ค.) ภาพเหตุการณ์ลักษณะมีบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ขอเข้าตรวจค้นตามร้านค้าผู้ประกอบการต่างๆ ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ในสังคม ล่าสุดพบกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ผู้คนในโลกออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เห็นในคลิปวิดีโอดังกล่าว อ้างตัวเป็นตำรวจขอตรวจค้นแต่ไม่มีหมายคัน

เฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อดังอย่าง YouLike (คลิปเด็ด) ได้นำเสนอคลิปวิดีโอจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งลงคลิปวิดีโอชื่อว่า "เคยดูแต่คลิป มาโดนกับตัวเอง!" ความยาวประมาณ 6 นาทีเศษ แสดงให้เห็นภาพเหตุการณ์ของชาย 2 คน ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ขอตรวจค้นยาเสพติดที่ร้านขายกาแฟ อยู่ใกล้รั้วโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี สร้างความตกใจแก่ 2 สามีภรรยาที่เป็นเจ้าของร้านเป็นอย่างมาก

ผู้ที่ลงคลิปวิดีโอได้อธิบายเหตุการณ์ว่า "เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนกับตัวเอง เคยดูแต่คริปของเพื่อนๆ บอกว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบแล้วเข้ามาแบบไม่มีหมายค้น บอกว่าแฟนเสพยาเสพติด พอเราให้ตรวจก็ไม่มีอะไร มันหากินแบบนี้หรอ พอขอดูบัตรตำรวจอีกครั้งมันก็ไม่ให้ดู เหี้-จิงๆ แล้วก็ไปแบบหน้าด้านๆ ช่วยกันแชร์หน่อยนะคะ เห็นหน้าแบบชัดๆเลย (อุบลราชธานี)"

ทั้งนี้ ภาพเหตุการณ์กว่า 6 นาทีปรากฏให้เห็นในคลิป พบชาย 2 คนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ เข้าขอตรวจค้นยาเสพติดที่ร้าน แต่ไม่พบหมายค้นแต่อย่างใด ทำให้ 2 สามีภรรยาที่เจ้าของร้านกาแฟแห่งนี้รู้สึกตกใจ พร้อมกับยืนยันว่า ทำมาค้าขายสุจริต ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเลย พร้อมกับท้ายอมให้ตรวจปัสสาวะในทันที

ชายที่เป็นผู้เสียหายได้ยืนปัสสาวะใส่แก้วให้ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจเห็น ก่อนจะนำมาตรวจผลกับอุปกรณ์แบบต่อหน้าต่อตา พร้อมกับยังรู้สึกแคลงใจที่เจ้าหน้าที่เลือกมาตรวจค้นที่ร้านกาแฟแบบไม่ค่อยมีความเป็นธรรม ระหว่างที่รอผลตรวจปัสสาวะ ฝ่าย 2 สามีภรรยาพยายามขอให้แสดงหลักฐานหมายค้นหรือบัตรประจำตัวของเจ้าหน้าที่ แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ทั้งนี้ ผลการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่ต่อไปวงกว้างในโลกออนไลน์ พร้อมกับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับภาพเหตุการณ์เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ต่างไปจากกรณีคล้ายกันที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งสุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไปโดยที่สังคมยังไม่ได้คำชี้แจงอีกเช่นเดิม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook