สธ.นำสื่อฯตรวจด่านท่าอากาศยานป้องกันอีโบลา

สาธารณสุข นำสื่อมวลชนตรวจด่านคัดกรองผู้โดยสารภายในท่าอากาศยานป้องกันเชื้อไวรัสอีโบลา

น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย น.พ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค นำคณะสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานตามมาตรการตรวจสอบคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาของด่านควบคุมโรคติดต่อ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

โดย น.พ.ณรงค์ กล่าวว่า มีมาตรการรับมือติดเชื้อไวรัสอีโบลา 2 มาตราการ คือ การตรวจสอบ คัดกรอง ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดมายังประเทศไทย และการเตรียมรับสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ เตรียมพร้อมสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งความพร้อมของห้องปฏิบัติบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

โดยในส่วนของการคัดกรองได้แบ่งผู้ที่โดยสารออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่เดินทางโดยตรงมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดใน 4 ประเทศ คือ กินี ไลบีเรีย เซียร์ล่าลิโอน และ เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ซึ่งกลุ่มนี้ในแต่ละวันจะมีเที่ยวบินตรงจากพื้นที่เสี่ยง วันละ 2 เที่ยวบิน และเครื่องบินที่แวะเปลี่ยนเครื่องอีก 6-7 เที่ยวบิน ซึ่งจะต้องมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยทางการท่าอากาศยานได้จัดจุดจอดเครื่องบิน ผู้โดยสารจะต้องเดินผ่านเครื่องทอโมสแกน หรือเครื่องตรวจวัดไข้อัตโนมัติ ซึ่งตั้งค่ามาตรฐานอุณภูมิร่างกายไว้ที่ 37.5 องศาเชลเชียส หากเครื่องไม่ส่งสัญญาณเตือนก็จะปล่อยผ่านไป แต่หากผู้โดยสารมีค่าอุณหภูมิสูงกว่าที่ตั้งไว้ เจ้าหน้าที่ก็จะเชิญตัวไปยังด่านควบคุมโรคภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อซักประวัติ ตรวจหาสาเหตุของอุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่ามาตรฐานว่าเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสอีโบลาหรือไม่ หากมีความเสี่ยงก็จะส่งไปยัง 4 ร.พ.ที่ได้ประสานไว้ ประกอบด้วย สถาบันบำราศนราดูร ร.พ.ราชวิถี ร.พ.นพรัตน์ และร.พ.เด็ก เพื่อเฝ้าดูอาการต่อไป

ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผู้โดยสารทั่วไปจะต้องกรอกประวัติเอกสาร ต.8 ทุกคน เพื่อให้สะดวกต่อการติดต่อหากมีอาการเข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้อ และกลุ่มที่ 3 คือ ผู้โดยสารที่เดินทางมาเปลี่ยนเครื่องเพื่อไปประเทศอื่น โดยขณะนี้ ทางการท่าอากาศยานอยู่ระหว่างการพิจารณาติดตั้งจุดคัดกรองผู้โดยสาร เพิ่มอีก 5 เครื่อง ได้แก่ พื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ