ม็อบบุกทำเนียบ จี้แก้หนี้ชาวนา

ม็อบบุกทำเนียบ จี้แก้หนี้ชาวนา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นับพันฮือ ขู่ปักหลัก มาร์คยอม ให้ 600ล.

ม็อบเครือข่ายหนี้สินชาวนานับพัน ฮือบุกชุมนุมหน้าทำเนียบฯ เรียกร้องพบ มาร์ค คนเดียว จี้แก้ปัญหาที่ดิน 38 ล้านไร่ ติดจำนอง ลั่นหากไม่ช่วย จะไปร่วมชุมนุมกับเสื้อแดง นายกฯ สั่งให้ เสธ.หนั่น-กรณ์-สังศิต เข้าเจรจา ได้ข้อยุติยกแรก จะขอครม.อนุมัติงบฯ ก้อนแรก 600 ล้าน จ่ายหนี้แทนเฉพาะหน้า รวมทั้งรับปากจะอนุมัติก้อนใหญ่ 1.7 หมื่นล้าน แก้ทั้งระบบ ขณะที่ม็อบพอใจ สลายกลับไปปักหลักลานพระรูปรอคำตอบ ด้าน มท.1 ถกรับมือม็อบเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ 31 ม.ค. ท้องสนามหลวง สั่งผู้ว่าฯ นายอำเภอ ทำความเข้าใจคนในพื้นที่ สมาคมศิษย์เก่า มช. แถลงการณ์เหตุวุ่นวาย เสื้อแดงไล่ เทพเทือก ย้ำจัดงานประจำทุกปี ไม่เกี่ยวข้องการเมือง

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 ม.ค. กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย จำนวนกว่า 1,000 คน นำโดย นายชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษาเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย เดินทางมาปักหลักชุมนุมประท้วงปิดถนนพิษณุโลก บริเวณหน้าทำ เนียบรัฐบาล พร้อมทั้งออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ที่ในขณะนี้ติดประกันจำนองถึง 38 ล้านไร่ หรือร้อยละ 35 ของพื้นที่เกษตรกรรมทั่วประเทศ ที่มีทั้งหมด 109 ล้านไร่ โดยในจำนวนที่ติดประกันจำนอง อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการหลุดมือจำนวนกว่า 8 ล้านไร่ มีเกษตรกรกว่า 150,000 ราย ไม่มีศักยภาพชำระหนี้ จึงอยากขอให้รัฐบาลรับซื้อหนี้มาเป็นของรัฐบาล และขยายเวลาการผ่อนชำระหนี้ออกไป โดยเรียกร้องเจรจาอย่างเปิดเผยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียวเท่านั้น และขอให้ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร หากนายกฯไม่เจรจา ก็จะปักหลักอยู่ที่ทำเนียบต่อไป และอาจร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงด้วย

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ เดินทางออกไปรับหนังสือจากผู้ชุมนุม พร้อมทั้งกล่าวว่า จะนำข้อเสนอของเกษตรกรที่ให้รัฐบาลนำงบประมาณปีละ 20,000 ล้าน รวม 5 ปี เป็นเงิน 100,000 ล้านบาท มารับซื้อหนี้ และฟื้นฟูหนี้สินของเกษตรกร ไปหารือกับ พล.ต.สนั่น ขณะนี้กองทุนฯ ได้เงินมาครั้งแรก 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสำหรับซื้อหนี้ 1,400 ล้านบาท และเงินสำหรับฟื้นฟู 400 ล้านบาท มีผู้มาลงทะเบียนให้จัดการหนี้ 300,000 ราย

นายสังศิต กล่าวต่อว่า โดยคณะกรรมการจัดการหนี้ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าสามารถซื้อหนี้ได้ 21,000 ราย ซื้อมาแล้วจำนวน 4,000 ราย ยังเหลืออยู่ 7,000 ราย ขณะนี้ใช้เงินไปแล้ว 700 ล้าน ยังเหลืออยู่เพียง 700 ล้านบาท สำหรับซื้อหนี้ จะเร่งรัดซื้อหนี้ให้หมดภายในเดือนมี.ค. ส่วนเงินที่จะนำมาฟื้นฟู มีทั้งหมด 430 ล้าน หากเงินก้อนนี้ได้มา ก็จะซื้อหนี้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นจำนวนมากในปีนี้ และหากครม.มีมติให้ค้ำประกันหนี้ ก็จะนำเงินจากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน มาดำเนินการได้ จะสามารถแก้ไขหนี้ขนาดใหญ่ได้เป็นจำนวนมาก

จากนั้นเวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมพังประตูเหล็กบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ด้านทางเข้าประตู 1-2 ทำเนียบรัฐบาล เข้ามาปักหลักชุมนุมอยู่โดยรอบรั้วทำเนียบ โดยแกนนำผู้ชุมนุมประกาศจะปักหลักพักแรมที่หน้าทำเนียบ อย่างสงบ หากนายกฯไม่เดินทางมาเจรจา และรับปากแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกร ขณะเดียวกัน ตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบ ปิดประตูทางเข้า-ออกทำเนียบ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมบุกเข้ามาภายในทำเนียบ พร้อมทั้งจัดกำลังตำรวจส่วนหนึ่งประจำอยู่ตามแนวรั้ว เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย

ถัดมาเวลา 14.30 น. นายกรณ์ จาติกวณิช รมว. คลัง พร้อมด้วยนายสังศิต นำตัวแทนกลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย 7 คน ขึ้นไปเจรจาหารือที่ห้องทำงานของ พล.ต.สนั่น ซึ่งเป็นรองนายกฯ รับผิดชอบดูแลกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร บนชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าทำเนียบ เรียกร้องขอพบและเจรจากับนายกฯเพียงคนเดียวว่า มอบหมายให้ พล.ต.สนั่น และนายกรณ์ ไปเจรจาแล้ว โดยนายกรณ์บอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เชื่อว่าจัดการได้

ต่อมาเวลา 15.40 น. พล.ต.สนั่น เดินทางเข้ามาทำเนียบ และกล่าวถึงการเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า เรื่องนี้มีมานานแล้ว และมีแนวทางแก้ไขมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช พร้อมทั้งมีกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้อยู่ แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ รัฐบาลเคยอนุมัติเงินไปให้แล้ว และขณะนี้เหลืออยู่อีกประมาณ 800 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้เบิกมาใช้แก้ไขปัญหา ยืนยันว่ารัฐบาลต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้อยู่แล้ว แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ส่วนข้อเรียกร้องใหม่ที่ต้องการให้เพิ่มวงเงินซื้อหนี้ปีละ 20,000 ล้านบาทนั้น คงเป็นไปได้ เพราะเชื่อว่าวงเงินนี้จะช่วยบรรเทาปัญหาได้ โดยกระทรวงการคลังจะนำเรื่องไปพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามว่าเงินในคลังของรัฐบาลหมดแล้ว พล.ต.สนั่น กล่าวว่า หมดแล้วก็กู้ เมื่อถามว่าลักษณะการเข้าไปซื้อหนี้เกษตรกรจะเป็นอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องให้กองทุนฟื้นฟูฯ ไปพิจารณาในส่วนของหนี้ที่กำลังจะขาด และหนี้ในส่วนที่ศาลตัดสินไปแล้ว ก็จะประสานกับ ธ.ก.ส. ซื้อคืนมาให้เกษตรกรได้มีที่ทำกินต่อไป

ด้าน นายกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเจรจาว่า จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม ครม.ในวันที่ 28 ม.ค. เพื่อนำเงิน 600 ล้านบาท ที่ค้างอยู่ในกองทุนฟื้นฟูฯ ไปซื้อหนี้สินของเกษตรกรที่กำลังจะถูกขาย เราจะต้องเข้าไปปกป้องสิทธิ์ของเกษตรกร และซื้อที่ดินคืนให้เกษตรกรเพื่อประกอบอาชีพ นอกจากนี้ ในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีพ.ศ.2553 จะของบฯ 17,500 ล้านบาท มาแก้ไขปัญหาทั้งระบบ โดยภายในเดือนก.ย. จะทราบผลว่าจะได้เงินจำนวนนี้หรือไม่ ระหว่างนี้หากรัฐบาลสามารถหาแหล่งเงินกู้อื่นได้ ก็จะเร่งนำมาแก้ไขปัญหาให้ อย่างไรก็ตาม จะต้องรอผลการอนุมัติจากที่ประชุม ครม.ก่อน และหลังจากนี้รัฐบาลจะไปพิจารณาปัญหาหนี้สินเกษตรกรทั้งระบบ เพื่อหาแนวทางแก้ไข ไม่ให้เกิดปัญหาเกษตรกรนำที่ดินไปจำนองจนเกิดปัญหาเช่นนี้อีก

ส่วน นายวัชรพงษ์ คงยืน ที่ปรึกษาเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการหารือกับรัฐบาล ทางกลุ่มผู้ชุมนุมพอใจระดับหนึ่ง และจะกลับไปปักหลักชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อรอฟังคำตอบจากครม. ในวันพุธที่ 28 ม.ค. หากครม.เห็นชอบงบฯ 600 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ตามที่ตกลงไว้ ก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะถือว่าสามารถช่วยเหลือปัญหาหนี้สินที่กำลังจะหลุดจากมือเกษตรกรไปได้ในเบื้องต้น จากนั้นจะรวมตัวกันมาชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 10 ก.พ. เพื่อรอฟังคำตอบจากรัฐบาล ว่าจะอนุมัติงบฯ ก้อนใหญ่ให้ 17,000 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบแบบเบ็ดเสร็จหรือไม่

วันเดียวกัน เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ร่วมประชุมกับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย และผู้บริหารกระ ทรวงมหาดไทย โดยนายชวรัตน์ กล่าวว่า ประชุม ถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ที่จะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค. โดยแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เน้นทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมเสื้อแดง ว่าอะไรควรไม่ควรโดยละมุนละม่อม แต่ไม่ให้สกัดกั้นการชุมนุม

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ม็อบเสื้อแดงขับไล่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยนายสุเทพ ระบุให้ผวจ. เชียงใหม่ ประเมินตัวเอง นายชวรัตน์ กล่าวว่า ผวจ. เชียงใหม่ จะต้องรายงานมาว่าทำไมจึงมีสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น และเหตุใดจึงไม่สามารถควบคุมสถาน การณ์ได้ โดยจะให้โอกาสชี้แจง

ต่อข้อถามว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะทำให้กลุ่มเสื้อแดงมีจำนวนมากขึ้นหรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหัวหน้ารัฐบาลมา 5-6 ปี ความนิยมยังคงมีอยู่ ดังนั้นการที่มีลูกน้องเก่าถือเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องไม่ชุมนุมให้เกิดความวุ่นวาย เพราะสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ต้องไม่ให้ต่างประเทศขาดความเชื่อถือ

ที่ร.พ.พระมงกุฎเกล้า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณที่อาจทำให้คนเสื้อแดงมาชุมนุมกันมากในวันที่ 31 ม.ค.ว่า คนไทยทุกคนต้องอยู่กับปัจจุบัน มีปัญหามากมายที่ต้องฝ่าฟัน ต้องอาศัยความสมัครสมานสามัคคี เอาความอยู่รอดของชาติเป็นหลัก เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง ซึ่งกองทัพไม่ได้ประเมินสถานการณ์ชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.

ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตนายกฯควรยุติการเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า แล้วแต่ท่าน ไม่มีข้อคิดเห็น เมื่อถามต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่ามีการเตรียมลอบสังหาร ทางกองทัพตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า จะถามให้เป็นประเด็นทำไม ไม่เห็นเกี่ยวข้องกับกองทัพ กองทัพจะไปตรวจสอบที่ไหนได้ ต้องถามท่านเอง

ต่อข้อถามว่า หากอดีตนายกฯเดินทางกลับประ เทศ จะมีชีวิตปกติได้หรือไม่ ผบ.ทบ.กล่าวว่า แน่ นอน มั่นใจว่าจะต้องปลอดภัย หากมีความกล้าหาญกลับมาพิสูจน์กันทางกระบวนยุติธรรม คิดว่าน่าจะเป็นทางออกทางหนึ่ง กองทัพไม่เคยกลั่นแกล้งพ.ต.ท. ทักษิณ

ที่รัฐสภา นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปรา การ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิ การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ แถลงว่ากลุ่มทนายความ นำโดย นายอุดมเดช เหลือบริบูรณ์ มายื่นหลักฐานการแจ้งความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กรณีบุกยึดสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ เพื่อขอให้ตรวจสอบความคืบหน้าของคดี และการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงอาเซียน เชื่อว่าด้วยเสียงข้างมากของรัฐบาลต้องผ่านอย่างแน่นอน แต่เอกสารหลายฉบับเกี่ยวข้องกับการขนส่งทางอากาศ ต้องลงนามโดยนายกฯ และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็น 1 ในผู้ถูกแจ้งความดำเนินคดีด้วย จึงอยากเรียกร้องให้นายกฯพิจารณาถึงตัวนายกษิต เพราะหากคดีสิ้นสุด โทษตามข้อหาสูงถึงประหารชีวิต อาจทำให้รัฐบาลไม่สง่างาม และมีผลผูกพันทำให้ประเทศเสียหายได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ด้านหน้ารัฐสภา มีกลุ่มม็อบเสื้อแดงจำนวนหนึ่งปักหลักชุมนุมอยู่ โดยคัดค้านการบริหารงานของรัฐบาล แต่ไม่ได้ตั้งเวทีปราศรัย เพียงแต่ส่งเสียงโห่ร้อง พร้อมทั้งชูตีนตบขับไล่นายกฯ โดยมีตำรวจเฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยตามปกติ

ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และสมาชิกในกลุ่ม 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อผวจ. เชียงใหม่ โดยมีนายสุรชัย จงรักษ์ ปลัดจังหวัดเชียง ใหม่ มารับหนังสือแทน โดยกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ระบุว่า ขอให้ตรวจสอบกรณีพุทธธรรมสถานภูผา ฟ้าน้ำ ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ของสำนักสันติ อโศก มีหลักฐานการครอบครองสิทธิ และบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ และกรณีเรื่องที่ตำรวจยิงยางรถของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้ย้ายนายตำรวจที่ยิงยางรถออกนอกพื้นที่ และให้สอบสวนว่าเป็นการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่

พ.ต.ท.บูรฉัตร ขวัญคำ พนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงเหตุยิงรถว่า เจ้า ของรถถอดคำร้องทุกข์แล้ว ไม่ติดใจเอาความ ส่วนเรื่องดำเนินการทางวินัยกับตำรวจที่ยิงล้อรถของผู้เสียหาย เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาจะดำเนินการ ในส่วนของคดียุติไปแล้ว

ด้าน ร.ต.ท.อัครเดช อินชัย ร้อยเวรเจ้าของคดีที่อาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แจ้งความถูกกลุ่มคนในม็อบเสื้อแดงตบหน้า เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า นำภาพถ่ายและวิดีโอในช่วงที่ชุลมุนกันหน้าหอประชุม ทางอาจารย์เองก็ยังไม่แน่ชัดในการชี้ตัวผู้กระทำผิด แต่ระบุว่าจำผู้กระทำผิดได้ โพกผ้าสีแดง สูงผอม ใช้ผ้าคลุมหน้า ใส่ถุงมือ ทางตำรวจกำลังสืบสวนสอบ สวนอยู่ แต่ยังไม่มีหลักฐานเสนอขอออกหมายจับใครได้

ขณะที่ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ เรื่องเหตุการณ์ความวุ่นวายในงานราตรีอ่างแก้ว เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา สรุปว่า งานราตรีอ่างแก้ว เป็นงานที่สมาคมฯ จัดขึ้นทุกปี เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์เก่ากับคณาจารย์ และศิษย์เก่าด้วยกัน รวมทั้งระดมทุนให้มหาวิทยาลัย ไม่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้น เนื่องจากมีกลุ่มคนเสื้อแดงปิดล้อมหอประชุม สถานที่จัดงาน รวมทั้งบุกเข้าไปภายในงาน ทำร้ายร่างกายอุปนายกสมาคมฯ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เข้าไปชี้แจงว่า การจัดงานไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง อีกทั้ง ทรัพย์สินของทางราชการและของศิษย์เก่าที่มาร่วมงานได้รับความเสียหาย

แถลงการณ์ระบุว่า สมาคมฯ ขอตำหนิการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ใส่เสื้อแดง ที่ก่อเหตุความวุ่นวายดังกล่าว และขอเรียนไปยังผู้รับผิดชอบในบ้านเมือง โดยเฉพาะตำรวจว่า เหตุการณ์เช่นนี้มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย และละเมิดสิทธิของผู้อื่น ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น ขอวิงวอนให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ปฏิบัติหน้า ที่ดูแลรักษาความสงบและความปลอดภัย ให้แก่สาธารณชนโดยเคร่งครัด

ที่จ.ขอนแก่น นายเจตจำรูญ สามหาดไทย หัว หน้ากลุ่มรากหญ้าสถาบันเสื้อแดง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในวันที่ 27 ม.ค. กลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 2,000 คน จะมาชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ผ่านไปยังรัฐบาล ให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดสนามบิน ปิดทำเนียบรัฐบาล ทำลายทรัพย์สินทางราชการ ให้ปลด รมว. ต่างประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 และนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้บริหารประเทศ นอกจากนี้สถาบันคนเสื้อแดงขอนแก่น จะเปิดเวทีปราศรัยที่ลานน้ำพุ บึงแก่นนคร เทศบาลนครขอนแก่น ในวันอาทิตย์ต้นเดือน เริ่มครั้งแรกวันที่ 6 ก.พ. รวมทั้งในวันที่ 31 ม.ค. คนเสื้อแดงขอนแก่นจะเดินทางไปชุมนุมที่ท้องสนามหลวง กทม. อย่างแน่นอน โดยเดินทางไปในลักษณะกองทัพมด ป้องกันตำรวจสกัดกั้น หรือขัดขวาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook