จตุพรพบสมยศจี้สอบชุดดำเป็นธรรมยันนปช.ชุมนุมสงบ

จตุพรพบสมยศจี้สอบชุดดำเป็นธรรมยันนปช.ชุมนุมสงบ

จตุพรพบสมยศจี้สอบชุดดำเป็นธรรมยันนปช.ชุมนุมสงบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'จตุพร พรหมพันธุ์' พร้อมแกนนำ นปช. เข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จี้สอบคดีชายชุดดำเป็นธรรม ยันเสื้อแดงชุมนุมสงบ ไร้กองกำลังติดอาวุธ ด้าน 'สมยศ' ระบุ คดีชายชุดดำ เป็นอำนาจของตำรวจไม่ใช่ดีเอสไอ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมด้วย นางธิดา ถาวรเศรษฐ น.พ.เหวง โตจิราการ  นายอารี ไกรนรา แกนนำ นปช. เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีการจับกุมชายชุดดำ ที่ก่อเหตุความรุนแรงในปี 2553 อย่างเป็นธรรม เป็นไปตามพยานหลักฐานและกฎหมาย หลัง นปช. ตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เกิดจาก
ระเบิด M67 ไม่ได้เกิดจากอาวุธและคณะบุคคลตามที่นำมาแถลงข่าวแต่อย่างใด การแถลงผลการจับกุมดังกล่าว เห็นว่า จงใจเจตนาให้เห็นถึงความเชื่ยมโยงจากปี 2553 ถึงปี 2557 โดยมุ่งหวังให้สังคมเข้าใจว่าเป็นการก่อความรุนแรงตั้งแต่ปี 2553 กระทำการต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยไม่แสดงความชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นปช. จึงเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำคดีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปี 2553 เข้าสู่กระบวนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไม่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษย์ การแถลงผลการจับกุม การทำแผน ต้องมีหลักฐานข้อมูลชัดเจน พร้อมปฏิเสธการแถลงที่นำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า นปช.มีกองกำลังติดอาวุธอย่างสิ้นเชิง และยืนยันว่าการเคลื่อนไหวภายใต้การนำของ นปช. เป็นการเคลื่อนไหวโดยสงบสันติ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รอง ผบ.ตร. และแกนนำ นปช. อยู่ระหว่างการหารือภายในห้อง ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก

 พล.ต.อ.สมยศ ระบุ คดีชายชุดดำ เป็นอำนาจของตำรวจ

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ภายหลังการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับคดีการจับกุมชายชุดดำก่อเหตุความรุนแรงปี 2553 ต่อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมปะชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และแกนนำ นปช. ว่า ที่ผ่านมาในการดำเนินคดีชายชุดดำไม่เคยพาดพิงถึงกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง และไม่เคยกล่าวว่า กลุ่มชายชุดดำเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พลเอก ร่มเกล้า ธุวธรรม เพียงแต่จับกุมชายชุดดำ ในข้อหาครอบครอบอาวุธสงครามเท่านั้น อีกทั้งจุดเกิดเหตุก็อยู่คนละจุดกับที่ พลเอก ร่มเกล้า เสียชีวิต และการจับกุมในคดีนี้เป็นคดีการครอบครองอาวุธ จึงไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เคยคุกคาม บีบคั้น หรือทำร้ายร่างกายผู้ถูกกล่าวหาให้รับสารภาพ ตามที่มีการกล่าวอ้าง และพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ส่วนข้อเรียกร้องของ นปช. ที่ให้นำคดีการเสียชีวิตของประชาชนในปี 2553 เข้าสู่กระบวนการสอบสวนของดีเอสไอ นั้น เห็นว่าคดีทางการเมืองส่วนใหญ่
จะเป็นความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่แล้ว รวมถึงคดีการชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ด้วย แต่คดีชายชุดดำ เป็นคดีเกี่ยวกับอาวุธจึงอยู่ในความรับชอบของตำรวจ แต่หากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษสืบสวนแล้วมีความเกี่ยวโยงกันก็สามารถเข้ามาตรวจสอบต่อได้

 

จตุพร ปัด ป้องชายชุดดำ ยันไม่เกี่ยวกับ นปช.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เปิดเผย ภายหลังเข้าพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า การเดินทางมาในวันนี้ เนื่องจาก นปช.มีประเด็นข้อสงสัย และติดใจเกี่ยวกับการจับการจับกุมชายชุดดำก่อเหตุความรุนแรงปี 2553 เนื่องจาก ขณะนั้นมีการเคลื่อนไหวของ นปช.และอาจเกี่ยวข้องกับคดีอื่น ๆ จึงต้องการทำความเข้าใจ โดยเฉพาะประเด็นการเสียชีวิต ของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม โดยกล่าวว่า การพูดคุยทำความเข้าใจกันระหว่างตำรวจ และแกนนำ นปช.ในวันนี้ เป็นบรรยากาศที่ดี และแกนนำ นปช. พอใจในการชี้แจงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้ยืนยันว่า การจับกุมชายชุดดำ ไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พอ.อ.ร่มเกล้า เพราะถูกอาวุธคนละชนิดกันกับที่มีการจับกุมผู้ต้องหา และในการทำแผนก็เป็นคนละจุด พร้อมยืนยันว่าการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อต้องการปกป้องชายชุดดำ เนื่องจากชายชุดดำไม่เกี่ยวข้องกับ นปช.และมั่นใจว่าการออกมาครั้งนี้จะไม่สร้างความขัดแย้ง เพราะเป็นการปฏิบัติตามกรอบกติกาไม่ได้เป็นการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาในคดีชายชุดดำที่ยังหลบหนี 1 คน อาจรู้จักกับแกนนำ นปช. เนื่องจากในวันที่มารดาผู้ต้องหาเสียชีวิต มีแกนนำ นปช.ส่งพวงหรีดไปแสดงความเสียใจนั้น ระบุเพียงว่า ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนส่ง จากนั้น แกนนำ นปช.ทั้งหมดก็ได้เดินทางกลับ


 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook