ศาลเนปาลตัดสินคดีมหากาพย์ "นักฆ่าบิกินี"

ศาลเนปาลตัดสินคดีมหากาพย์ "นักฆ่าบิกินี"

ศาลเนปาลตัดสินคดีมหากาพย์ "นักฆ่าบิกินี"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 18 ก.ย. ศาลเนปาลตัดสินคดีฆาตกรรมใหญ่ที่จำเลยมีฉายา "นักฆ่าบิกินี" จากการสังหารหญิงสาวในชุดบิกินีนับสิบรายในลักษณะเป็นฆาตกรต่อเนื่องตั้งแต่ 40 ปีก่อน ว่า นายชาร์ลส์ โสพราช อายุ 70 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เชื้อสายเวียดนาม-อินเดีย ถูกตัดสินมีความผิดในคดีฆาตกรรมเหยื่อรายที่ 2 ชื่อ น.ส.โลรองต์ แคร์ริแอร์ นักท่องเที่ยวแบกเป้ชาวแคนาดา ที่ชานกรุงกาฐมาณฑุ ในปี 2518 ต่อเนื่องจากที่ตัดสินความผิดในคดีเหยื่อรายแรก น.ส.คอนนี โจ บรอนซิช นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ซึ่งเหยื่อทั้งสองเป็นเพื่อนกัน และถูกพบศพในสภาพถูกแทงและเผาในแบบเดียวกัน

ในคดีแรก ผู้พิพากษาศาลเขตพักตปุระ ในกรุงกาฐมาณฑุตัดสินเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ให้จำคุกตลอดชีวิตนายโสพราช ในความผิดฐานฆาตกรรม น.ส.บรอนซิช มาแล้ว คดีดังกล่าวกินเวลานานมาก และเพิ่งเข้าสู่กระบวนการศาลในปี 2550 หลังตำรวจกู้แฟ้มคดีที่หายไปกลับมาได้ แต่ตอนนั้นหลักฐานไม่เพียงพอ กระทั่งต้องรวบรวมใหม่และเพิ่งเปิดพิจารณาอีกครั้งในเดือนเม.ย.ปีนี้

นายโสพราชเคยต้องโทษจำคุก 21 ปีในอินเดียมาก่อนที่จะถูกจับคดีฆาตกรรมในเนปาลเมื่อปี 2547 เป็นผู้ต้องหาที่ปลอมตัวหลบหนีคดีอย่างแยบยลมาหลายครั้ง จนได้ฉายา "อสรพิษ" อีกฉายา เคยหนีคุกมาแล้วทั้งในกรีซ อัฟกานิสถาน และอินเดีย ที่วางยาผู้คุมด้วยลูกอม แล้วเดินออกมาหน้าตาเฉยจากเรือนจำในกรุงนิวเดลี

จากข้อมูลของวิกิพีเดีย นายโสพราชเคยก่อเหตุฆาตกรรมเหยื่อฝรั่งในประเทศไทยหลายราย ช่วงทศวรรษ 70 (พ.ศ.2513-2523) เหยื่อรายแรกเป็นสาวจากซีแอตเติล สหรัฐ ถูกฆ่าในชุดบิกินีลายดอกไม้ ต่อมาเป็นเหยื่อสาวชาวยิว ถูกฆ่าเผาที่พัทยา จากนั้นเป็นคู่รักนักศึกษาชาวดัตช์อายุ 29 ปี และ 25 ปี ถูกวางยาก่อนถูกรัดคอและเผา อีกรายเป็นสาวฝรั่งเศสที่มาสืบหาการหายไปของเพื่อนก็ถูกฆ่าตายในชุดบิกินีอีก สภาพจมน้ำเสียชีวิต แม้ว่าในตอนนั้นยังไม่มีการเชื่อมโยงคดีต่างๆ แต่นายโสพราชได้ฉายา นักฆ่าบิกินี มาตั้งแต่นั้น

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก ข่าวสดออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook