ยาย82ปีนั่งรถไฟบุกกรุงขอความเป็นธรรมถูกโกงที่ดิน

ยาย82ปีนั่งรถไฟบุกกรุงขอความเป็นธรรมถูกโกงที่ดิน

ยาย82ปีนั่งรถไฟบุกกรุงขอความเป็นธรรมถูกโกงที่ดิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'ยายสม' วัย 82 ปี เรียนแค่ ป.3 ศึกษากฎหมายสู้คดีที่ดินถูกโกงจนชนะ!! เผยไม่เคยย่อท้อ ก่อนตายอยากได้รับความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีการแชร์สนั่นบนโลกออนไลน์ หลังมีพลเมืองดีบังเอิญพบนางสม งามอยู่ หญิงชราชาว ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ 82 ปี ได้เดินทางขึ้นรถไฟฟรี เพื่อเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จากกรณีที่ตนเองและลูกชายถูกโกงที่ดิน ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนถึง 24 ไร่ ทั้งนี้ อยู่ในสถานะของ นส.3 ตามกฎหมายไม่สามารถขายโอนหรือย้ายกรรมสิทธิ์ให้กับผู้อื่นได้
 
ผู้สื่อข่าวรุดลงพื้นที่ บ้านสเรียง ม.2 ต.ทับทัน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า นางสม งามอยู่ พักอาศัยบ้านชั้นเดียวกับลูกสาว และจากการสอบถามเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ทราบว่ายายสม และลูกชาย ยังเคยถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 1 ปี ข้อหาบุกรุกพื้นที่ซึ่งเป็นของตนเองที่มีบรรพบุรุษให้เป็นสมบัติที่ตกทอดกันมา และหลังจากออกจากคุก ได้ต่อสู้ในเรื่องดังกล่าวนี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2534 และภายหลังลูกชายก็ได้ถูกทำร้ายและเสียชีวิต ทำให้ต้องต่อสู้กับคดีความนี้โดยลำพัง แม้ลูกๆจะพยายามห้ามปราบเพราะเกรงว่าจะล้มหมอนนอนเสื่อกับการตรากตรำเดือนทางและคิดมากกับการต้องสู้ทวงคืนที่ดินจำนวน 24 ไร่คืนมา เพื่อมอบเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายให้ลูกทั้ง 5 คน ก่อนสิ้นลมหายใจ
 
นางสม งามอยู่ คุณยายยอดนักสู้ เรียนถึงแค่ชั้น ป.3 อ่านหนังสือกฎหมายเอง กล่าวว่า ตนมีฐานะยากจนได้ยืมข้าวเปลือกจากคนข้างบ้าน จำนวน192ถัง ในปี พ.ศ.2515 และไปยืมข้าวเปลือกอีกจำนวน 48 ถังกับเงินสด 5,000 บาท ในปี พ.ศ.2523 กับนางพวน  แต่ต่อมาได้ยึดเข้าทำกินในที่นา ตั้งแต่ปี 2520-2528 ตนฟ้องคดีในศาลชั้นต้นจนชนะ ศาลยกฟ้องคดีของนางพวน  ผู้เป็นโจทก์ฟ้อง เหตุเพราะเป็นที่ดินได้มาจากการจัดสรร ห้ามจำหน่ายจ่ายโอนห้ามให้ผู้ใด และห้ามผู้ใดเอามาซึ่งสิทธิ์ในที่ดิน ดังกล่าวเอาไปเป็นของตน หรือผู้อื่น อันเป็นการต้องห้ามชัดแจ้ง โดยกฎหมายตกเป็นโฆษะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 หลังตนชนะคดีแล้วได้ถูกนางพวน เจริญศรี ได้นำสัญญากู้ยืมเงินมาฟ้องพระอิน(สามี) ซึ่งบวชเป็นพระตั้งแต่ปี

ตนได้เดินทางขึ้นรถไฟฟรี ขบวน 11.00 น. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่สถานีรถไปสุรินทร์ เพื่อเข้าสู่จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จากกรณีที่ตนเองและลูกชายถูกโกงที่ดิน ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนถึง 24 ไร่ ทั้งนี้ อยู่ในสถานะของ นส.3 ตามกฎหมายไม่สามารถขายโอนหรือย้ายกรรมสิทธิ์ให้กับผู้อื่นได้ โดยเดินทางไปร้องทุกข์เพียงลำพัง และไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว ได้แต่อาศัยรถไฟฟรีเดินทางไป-กลับ
 
หลังจากนั้น นางสม งามอยู่ คุณยายยอดนักสู้ ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่นา จำนวน 24 ไร่ ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปจากบ้านพัก กว่า 7 กม. พบว่ามีการปลูกข้าว และมีการยกคันนาขนาดใหญ่ เพื่อแบ่งอาณาเขตที่ชัดเจนคนละครึ่งระหว่างทายาทนางพวน เจริญศรี และลูกสาวของนางสม งามอยู่ เข้าทำกินทำนา จำนวน 12 ไร่ ภายหลังคำสั่งศาลให้มีการแบ่งแยกและเข้าทำการครอบครองคนละครึ่ง
 
นางสม งามอยู่ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้ตนเดินร้องทุกข์ปากเปล่า ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ได้เพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพียงเดือนละ 800 บาทเท่านั้น ตนต้องสู้เพื่อทวงคืนที่ดินของบรรพบุรุษตั้งแต่ปี 2534 หลังออกจากคุกมาตนก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯต่อสู้เรียกร้องขอความเป็นธรรมมาโดยตลอด


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook