สรุปรถไฟชน10ล้อขอนแก่นดับ5เจ็บ28-รฟท.เปิดวิ่งชั่วคราว

ตร.สภ.เมืองขอนแก่น สรุปอุบัติเหตุรถไฟชนรถบรรทุกขนดิน เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บอีก 28 ราย ขณะที่ ล่าสุด รฟท. เปิดเดินรถไฟชั่วคราวแล้ว ทยอยซ่อมรางเสียหาย ด้าน รอง ผอ.การเดินรถ จ่อเยี่ยมคนป่วยเยียวยา

ร.ต.ท.สุวิทย์ สาธิตธรรมชาติ รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยความคืบหน้า กรณีรถบรรทุกขนดิน ประสานงารถไฟ ที่ จ.ขอนแก่น จนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ว่า ในเบื้องต้นจากการสอบสวน นายภัทรพล พะระสี อายุ 25 ปี ผู้ขับขี่รถบรรทุกที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อ้างว่า ขณะเกิดเหตุ ตนมองไม่เห็นขบวนรถไฟที่แล่นมา แต่พอเห็นก็รู้สึกตกใจ เกิดอาการสั่นก่อนจะตัดสินใจเร่งเครื่องให้พ้นแต่ปรากฏว่าระบบเกียร์ขัดข้อง จึงทำให้รถไฟที่แล่นมาชนเข้าบริเวณกลางลำ ทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น

สำหรับยอดผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนี้ มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 26 คน สาหัส 1 คน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ 1 คน และเสียชีวิตอีก 5 คน รวมทั้งสิ้น 33 คน

ความคืบหน้ากรณีรถบรรทุก 10 ล้อขนดิน ชนประสานงากับขบวนรถไฟดีเซลราง ขบวนที่ 415 นครราชสีมา-หนองคาย ที่บริเวณจุดตัดทางรถไฟบ้านหนองกรุง ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ล่าสุด เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางพ้นจุดเกิดเหตุแล้ว หลังใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า รางรถไฟได้รับความเสียหายยาวกว่า 100 เมตร หมอนรองรถไฟเสียหาย 27 อัน เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเร่งซ่อมแซมจนสามารถเปิดเดินรถได้ชั่วคราว ในเวลา 22.49 น.

ด้าน นายอาระยะ ปิณฑะดิษ รองผู้อำนวยการฝ่ายด้านการเดินรถ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นได้เปิดให้ขบวนรถไฟสัญจรผ่านไปมาได้แต่ต้องลดความเร็วเป็น 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนรางรถไฟที่เสียหายจะดำเนินการทยอยซ่อมแซมช่วงที่รถไม่เคลื่อนผ่านจนสามารถใช้งานได้ตามปกติ ขณะเดียวกันแม้ในจุดนี้ จะไม่มีแผงกั้นทางรถไฟ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดแผ่นป้ายเตือนไว้อย่างชัดเจน รวมถึง ในจุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่อยู่ในแผนที่เสนอเตรียมสร้างที่กั้นอัตโนมัติ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น เบื้องต้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม วันนี้ นายอาระยะ จะเดินทางเข้าเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว พร้อมช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลต่าง ๆ ด้วย

ขณะที่ ล่าสุด รฟท. เปิดเดินรถไฟขอนแก่น ทยอยซ่อมรางเสียหาย ด้าน รอง ผอ.การเดินรถ จ่อเยี่ยมคนป่วยเยียวยา

 

ร.ฟ.ท.เปิดเดินรถไฟขอนแก่น-ทยอยซ่อมรางกรณีรถไฟชนรถบรรทุก

ความคืบหน้า กรณีรถบรรทุก 10 ล้อขนดิน ชนประสานงากับขบวนรถไฟดีเซลราง ขบวนที่ 415 นครราชสีมา-หนองคาย บริเวณจุดตัดทางรถไฟบ้านหนองกุง ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ล่าสุด เจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปิดเดินรถชั่วคราวแล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ขณะที่ในส่วนของรางที่ชำรุดเสียหาย ในวันนี้เจ้าหน้าที่จะทยอยซ่อมแซมเปลี่ยนหมอนรางรถไฟ ในช่วงเวลาที่ขบวนรถไม่เคลื่อนผ่านจนสามารถใช้งานได้ตามปกติ รวมถึงจะนำรถลากชิ้นส่วนโบกี้ ที่พังเสียหายกลับไปซ่อมแซมด้วย

ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น เบื้องต้นคิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ เวลา 09.00 น. นายอาระยะ ปิณฑะดิษ รอง ผู้อำนวยการฝ่ายด้านการเดินรถ จะเดินทางเข้าเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว พร้อมช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วย

 

ตร.ขอนแก่น เผย กรณีรถบรรทุกปะทะรถไฟชี้ยังไม่มีผู้เสียหายมาเข้าพบ

พ.ต.ท.ชินภัทร์ ปทุมดี พนักงานสอบสวน สภ.ย่อยศิลา จ.ขอนแก่น เปิดเผยความคืบหน้า กรณีรถบรรทุกขนดินประสานงารถไฟ ขบวนที่ 415 นครราชสีมา-หนองคาย ที่บริเวณจุดตัดทางรถไฟบ้านหนองกุง จนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมากเมื่อวานที่ผ่านมาว่า ล่าสุดขณะนี้ไม่มีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ไม่ใช่ประชาชนในพื้นที่ ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยนั้น ก็ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว รวมถึงจะต้องให้ญาติของผู้ที่เสียชีวิตดำเนินการจัดพิธีทางศาสนาให้แล้วเสร็จก่อน เจ้าหน้าที่จึงจะเรียกผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำอีกครั้งหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส กับ นายภัทรพล พะระสี อายุ 25 ปี ผู้ขับขี่รถบรรทุก

ส่วนการดำเนินคดีหลังจากนี้ ก็จะต้องรอผลตรวจวิเคราะห์จากแพทย์ผู้รักษาในวันนี้อีกครั้ง ว่า ทีมแพทย์ จะทำการผ่าตัดบริเวณไหล่และลำคอที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อไร จึงจะสามารถกำหนดระยะเวลาการรักษา จนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ และภายหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็จะทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป