ย้อนรอยโศกนาฎกรรม ฮ.ตก เบลล์ 212 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตก

ย้อนรอยโศกนาฎกรรม ฮ.ตก เบลล์ 212 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตก

ย้อนรอยโศกนาฎกรรม ฮ.ตก เบลล์ 212 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ย้อนรอยโศกนาฎกรรม ฮ.ตก เบลล์ 212 ลำนี้ไม่ใช่แค่ลำแรกที่ประสบเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิต  

จากอุบัติเหตุอันน่าสลดฮ.ตก เบลล์ 212 ของศูนย์การบินทหารบก ซึ่งจัดสนับสนุนกองทัพภาคที่ 3 ได้นำคณะรองแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะปฎิบัติภารกิจตรวจงานส่งกำลังบำรุงของหน่วยทหารในค่ายขุนเจืองธรรมิกราช จ.พะเยา ขณะเดินทางกลับออกจากค่ายขุนเจืองฯ เวลาประมาณ 17.30 น. ได้ขาดการติดต่อและประสบอุบัติเหตุตกที่บริเวณบ้านดอกบัว ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 9 นายด้วยกัน  

ย้อนรอยโศกนาฎกรรม ฮ.รุ่นเบลล์ 212 โหม่งโลก เมื่อปี 2554

ฮ.เบลล์ 212 ประสบอุบัติเหตุตกที่พื้นป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จากการปฏิบัติภารกิจเข้าไปลำเลียงศพทหารที่เสียชีวิตจาก ฮ.แบล็กฮอว์กตก เมื่อบินถึงช่วงบ้านต้นเกตุ ใกล้ตลาดแก่งกระจานเครื่องยนต์เกิดขัดข้องไม่สามารถบังคับตัวเครื่องได้ จึงร่อนตกกระแทกพื้น จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้มีนายทหารเสียชีวิตทันที 3 นาย เนื่องจากตัวเครื่องระเบิดจนไฟลุกไหม้ แต่ในเหตุการณ์นี้มีผู้รอดชีวิต 1 รายเนืองจากร่างกระเด็นออกก่อนที่เครื่องจะระเบิด

สมรรถนะ ฮ.เบลล์ 212 เป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลาง 2 ใบพัด 2 เครื่องยนต์บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 14-15 ที่นั่ง โดย ฮ.เบลล์ 212 อยู่ในรุ่น UH-1 N ของบริษัท เบลล์ เฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทเบลล์ เฮลิคอปเตอร์ และ บริษัทแพรต แอนด์ วิสนีย์ ของแคนาดา

ด้านอายุการใช้งานของเฮลิคอปเตอร์จากเหตุการณ์ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุมักจะมีคำถามตามมาว่าอายุการใช้งานของเฮลิคอปเตอร์แต่ละลำนั้น กี่ปีถึงจะปลดระวางได้

ซึ่งจากคำสัมภาษณ์ พล.ต.ธนา จารุวัต โฆษกกองทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่าฮ.เบลล์ 212 ยังมีประสิทธิภาพดีสามารถใช้งานถึง 30 ปี และจะใช้งานต่อไปที่ผ่านมาทางกองทัพบกดูแลบำรุงรักษาเป็นอย่างดี

ปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น

กองทัพบกได้ปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น และขอพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษให้กับผู้เสียชีวิต ซึ่งจะได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นดังนี้ พล.ต.ทรงพล ทองจีน, พ.อ.กิตติ สุวรรณเจริญ, พ.อ.ยุทธพงษ์ เพื่อนฝูง, พ.ท.วุฒิศักดิ์ สุนทรสุข และ พ.ท.มานิต สุระเสนา ทั้ง 5 ท่านจะได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นเป็น "พลเอก"

สำหรับ ร.อ.วรพงศ์ ช่างสลัก ได้รับพระราชทานยศเป็น "พันเอก", จ.ส.อ.อนันต์ ชมเชียงคำ ได้รับพระราชทานยศเป็น "พลโท", จ.ส.อ.อภิรุณ แสนดอนดู่ ได้รับพระราชทานยศเป็น "พลตรี" และ จ.ส.ท.สมภพ มาลัยวงศ์ ได้รับพระราชทานยศเป็น "พันโท"

ทั้งนี้ พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เผยว่า การพิจารณาปูนบำเหน็จ 7 ขั้น และ เลื่อนยศ9 ขั้น นั้นพิจารณาจากขั้นเงินเดือน หลังได้รับการปูนบำเหน็จ ว่าขั้นเงินเดือนเทียบแล้วอยู่ในชั้นยศใด

กรณีของ จ่าสิบเอก อนันต์ ชมเขียงคำ นั้น รับราชการมานาน ขั้นเงินเดือนสูง เดิมขั้น น.2ขั้น20. จึงได้ปูนบำเหน็จเป็น น.7ชั้น 2.5 ถ้าเทียบยศจะอยู่ที่ พลโท เช่นเดียวกับ จ่าสิบเอก อภิรุณ แสนดอนดู่ ได้รับพระราชทานยศเป็น "พลตรี"

ส่วน ร.อ.วรพงศ์ ช่างสลัก อายุราชการน้อย ขั้นเงินเดือนยังไม่มาก น1.ชั้น20 ปรับเป็น น.4 ชั้น 2.5 เทียบแล้วคือยศ พันเอก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook