น้ำป่าทะลักอ.สะเดาจ.สงขลาจม1ม.-ต.ปริกน่าห่วงสุด

เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ จ.สงขลา น้ำท่วมหลัง ร.พ.สะเดา อ่วมกว่า 1 เมตร ขณะ ต.ปริก น่าห่วงสุด คลองอู่ตะเภา เอ่อล้น ถนนหมู่บ้านถูกตัดขาด

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา หลังจากที่ถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองสะเดา เมื่อคืนนี้ ขณะนี้สถานการณ์ในเขตตัวเมืองสะเดาเริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ฝนหยุดตก เส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตัวเมืองสะเดากับเมืองปาดังเบซาร์ รวมถึงถนนเลี่ยงเมืองสะเดา สามารถกลับใช้ได้ตามปกติหลังถูกตัดขาดทั้งคืน

แต่ยังมีจุดที่น้ำท่วมขังหลายจุด โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลสะเดา น้ำยังคงท่วมห้องประชุม โรงอาหาร คลินิกพิเศษ และบ้านพักเจ้าหน้าที่ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาล ระดับน้ำยังสูงกว่า 1 เมตร แต่ทางโรงพยาบาลยังคงเปิดรักษาผู้ป่วยตามปกติ

นอกจากนี้ น้ำยังคงท่วมผิวถนนและที่ชุมชนริมถนนท่าพรุวิทยา ชาวบ้าน 7 ครัวเรือน ต้องย้ายข้าวของมานอนริมถนนชั่วคราว รวมทั้งโรงงานแปรรูปพลาสติก ในพื้นที่บ้านหลัก 3 ซึ่งถูกน้ำท่วมโรงงานและบ้านพักคนงานจนต้องปิดทำการแรงงานพม่าต้องย้ายมานอนอยู่บนกองกระสอบพลาสติกชั่วคราว

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.สะเดา ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ขณะนี้คือภายในเขตเทศบาลตำบลปริก เนื่องจากน้ำในคลองอู่ตะเภาที่ไหลมาจากตัวเมืองสะเดาได้เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน ร้านค้า ในชุมชนปริกตก และชุมชนปริกออก ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันนี้ถนนภายในหมู่บ้านถูกตัดขาด ไม่สามารถสัญจรได้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

 

น้ำท่วม อ.สะเดา เริ่มคลี่คลาย คาด 1-2 วัน เข้าสู่ภาวะปกติ

ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ล่าสุด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ.สะเดา จ.สงขลา รายงานว่า จากการสำรวจพื้นที่พบว่าในเขตเทศบาลเมืองสะเดาสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติทุกจุด หลังจากที่ฝนทิ้งช่วงและสภาพอากาศเริ่มเปิด ขณะนี้เหลือเพียงน้ำที่ท่วมในพื้นที่ 3 หมู่บ้านของ ต.ปริก ประกอบด้วย หมู่ 4 หมู่ 6 และหมู่ 7 ซึ่งอยู่ติดแนวลำคลองอู่ตะเภาและรับน้ำที่ไหลบ่ามาจากตัวเมืองสะเดา แต่ระดับน้ำเริ่มทรงตัวมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำและสวนยางพารา โดยคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติในอีก 1-2 วันและจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานของผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนรวมทั้งพื้นที่การเกษตร