ดราม่า! หมาลากของตามพระบิณฑบาต ชี้ทรมานสัตว์

ดราม่า! หมาลากของตามพระบิณฑบาต ชี้ทรมานสัตว์

ดราม่า! หมาลากของตามพระบิณฑบาต ชี้ทรมานสัตว์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(23 พ.ย.) ภาพของสุนัขพันธุ์โกลเด้นทรีฟเวอร์ ที่ชื่อว่า "เจ้าสมหวัง" ที่เคยปรากฏเป็นข่าวเดินตามพระระหว่างออกบิณฑบาต เมื่อหลายปีก่อน ครั้งนั้นกลายเป็นภาพแปลกตาและสร้างความเอ็นดูของผู้คน แต่ภาพดังกล่าวยังคงพบเห็นอยู่ในปัจจุบัน จนสร้างความหวั่นวิตกต่อกลุ่มรักสุนัขที่พบว่า มันป่วยเป็นโรคสะโพกข้อเสื่อม เนื่องจากการกระทำดังกล่าว และเริ่มมองว่าเป็นการทรมานสัตว์

พระหนูที สุตตธัมโม อดีตพระลูกวัดจันทราทิพย์ อ.เมืองอุดรธานี เคยนำ "เจ้าสมหวัง" สุนัขแสนรู้ออกไปลากขนสิ่งของที่พุทธศาสนิกชนถวายระหว่างออกบิณฑบาตทุกๆ เช้า ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน และยังคงใช้ให้สุนัขทำพฤติกรรมเช่นนี้อยู่กระทั่งปัจจุบัน

กลุ่มเครือข่ายประชาชนต่อต้านการค้าสุนัขข้ามชาติ หรือ วอทช์ด็อกไทยแลนด์ (Watchdog Thailand) ได้โพสต์ข้อสงเกตผ่านทางเฟซบุ๊กว่า การนำสุนัขออกบิณฑบาตในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งพบว่ามีการเรี่ยไรเงินจากประชาชน เป็นกรณีที่เข้าข่ายผิดวินัยสงฆ์ อีกทั้งยังเป็นการทารุณกรรมสัตว์ พร้อมประกาศเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ สำนักงานพระพุทธศาสนา ได้เข้าตรวจสอบ

ส่วนข้อมูลล่าสุดพบว่า พระหนูที ปัจจุบันไม่ได้จำวัดอยู่ที่วัดจันทราทิพย์แล้ว พระอธิการสอน ปยุตโต เจ้าอาวาสวัด เปิดเผยว่า พระหนูทีได้บวชที่วัดแห่งนี้เพียงพรรษาเดียว ก่อนจะขอย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งที่บ้านเกิด จ.นครราชสีมา พร้อมกับนำ เจ้าสมหวัง ไปด้วย

ทั้งนี้ กรณีของพระหนูทีกับเจ้าสมหวัง ทำให้กลุ่มคนรักสุนัขเป็นกังวลเรื่องสุขภาพของสุนัข เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวดูไม่ค่อยเหมาะสมและเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์ อีกทั้งเป็นห่วงเรื่องอาการป่วยของ เจ้าสมหวัง ที่เป็นโรคสะโพกข้อเสื่อม เนื่องจากการลากของเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันนี้ (23 พ.ย.) เฟซบุ๊ก Watchdog Thailand ได้โพสต์ภาพและข้อความอัพเดทความคืบหน้า หลังจากที่ร่วมกันระดมค้นหา เจ้าสมหวัง ซึ่งปรากฏว่าพบอยู่ในพื้นที่ตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร หลังมีประชาชนพบเห็นพฤติกรรมพระกับสุนัขตามที่เป็นข่าว ซึ่งทางทีมงานเข้าช่วยเหลือสุนัขได้อย่างปลอดภัย และกำลังเจรจาขอ เจ้าสมหวัง ไปตรวจรักษาอาการป่วย เนื่องจากสุนัขมีอายุมากแล้วและยังพบอาการอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ไทยพีบีเอส และ Watchdog Thailand

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook