หนุ่มขี่จยย.ชายแดนส่อพิรุธ ค้นเจอเงิน 14 ล้าน

วานนี้(3 ธ.ค.) ร.ต.ปรัชฌา อุบลรัตน์ ผบ.หมวดลาดตระเวนทหารม้าที่ 4 กองร้อยทหารม้าที่ 3 ฉก.ม.2 (ร้อย ม.3 มว.ม.4) ทำการออกลาดตระเวนตามริมฝั่งลำน้ำรวก ซึ่งจะไหลลงสู่แม่น้ำโขงตรงสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-เมียนมาร์ ตามปกติอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ ได้พบชาย 1 คน ซึ่งทราบต่อมาว่าคือ นายพงษ์พัฒน์ วัจนากรุ่งเรือง อายุ 27 ปี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไปยังบริเวณท่าน้ำเวียงแก้วกลางดึก ท่าทางน่าสงสัย เจ้าหน้าที่ทหารจึงแสดงตัวขอเข้าไปตรวจสอบ แต่ปรากฎว่านายพงษ์พัฒน์กลับพยายามจะขี่รถออกจากบริเวณท่าน้ำดังกล่าว แต่ช่วงที่จะขับขี่ออกไป มีกระเป๋าหนังสีเขียว 1 ใบ ตกลงจากหน้ารถ ทำให้คนขับหยุดชะงัก และเจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงตัวได้ในที่สุด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอเปิดดูภายในกระเป๋าใบที่ตก ปรากฎว่าภายในมีเงินสดเป็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท เต็มกระเป๋ามีการจัดเรียงธนบัตรเป็นมัดๆ ผูกด้วยพลาสติกมัดของธนาคารพาณิชย์ในฝั่งประเทศไทย 2 แห่ง และจากฝั่ง สปป.ลาว อีก 1 แห่ง รวมทั้งหมด 3 ธนาคาร รวมของกลางทั้งหมด 14,300,000 บาทดังกล่าว

เจ้าหน้าที่เห็นผิดสังเกตจึงสอบถามถึงที่มาที่ไปของเงินและวัตถุประสงค์ที่นำเงินสดจำนวนมากดังกล่าวไปยังชายแดนกลางดึก แต่ปรากฎว่านายพงษ์พัฒน์ให้การสับสน โดยระบุว่าไม่ใช่เงินของตัวเอง แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นเงินใคร ทำให้เจ้าหน้าที่ นำตัวพร้อมของกลางไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ฐานเวียงแก้ว และช่วงที่กำลังนำตัวไป ปรากฎว่านายพงษ์พัฒน์ได้คุยโทรศัพท์มือถือและสื่อสารกับผู้รับด้วยภาษาเผ่าม้ง โดยเจ้าหน้าที่ไม่เข้าใจความหมาย

ต่อมาขณะสอบถามข้อมูลได้มีผู้โทรศัพท์ไปถึงนายพงษ์พัฒน์อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทดลองรับสายและพบมีเสียงเป็นภาษาม้งสื่อสารมาอีก ทำให้บันทึกเสียงเอาไว้ จากนั้นให้ทางล่ามแปล พบว่าไม่ตรงกับที่นายพงษ์พัฒน์ให้การก่อนหน้านี้ว่าเงินสดดังกล่าวไม่ใช่ของตน แต่ในคำสนทนาอีกฝ่ายพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ปะติดปะต่อข้อความได้ว่า เงินสดทั้งหมดดังกล่าวไม่ใช่ของตน แต่ได้มีผู้ว่าจ้างให้นำเงินจำนวน 14 ล้านบาท จากท่าน้ำดังกล่าวไปส่งที่บริเวณวัดพระธาตุผาเงา ห่างจากบ้านเวียงแก้วไปทางทิศตะวันออก หรือเลียบถนนเลาะแม่น้ำโขงไปประมาณ 15 กิโลเมตร โดยจะร่วมกับคนรับจ้างอีก 3 คน แบ่งกันคนละ 100,000 บาท ซึ่งก็คือเงินจำนวน 300,000 บาท ที่เกินมา แต่ยังไม่ทันดำเนินการแล้วเสร็จ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสียก่อน

เจ้าหน้าที่ทหารจึงนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน แต่เนื่องจากไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ และเมื่อนำตัวไปตรวจปัสสาวะ ก็ไม่พบสารเสพติด จึงได้ทำการยึดเงินดังกล่าวมาทำการตรวจสอบและหาเจ้าของก่อนจะปล่อยตัวนายพงษ์พัฒน์ไป ขณะเดียวกันได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่บ้านของนายพงษ์พัฒน์ ปรากฎว่าเป็นลักษณะกระท่อมหลังเล็กและไม่พบของผิดกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.สันติ กองสมัคร ผกก.สภ.เชียงแสน กล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้นนายพงษ์พัฒน์ให้การว่า คนชื่อโต้งซึ่งเพิ่งรู้จักกันได้นาน 2 เดือน ว่าจ้างให้ส่งเงินดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่ขับขี่ไป ก็พบว่าซื้อมาอย่างถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงทำการบันทึกตรวจยึดเงินและปล่อยตัวไป เพื่อให้ไปแจ้งเจ้าของเงิน นำหลักฐานไปแสดงและทางเจ้าหน้าที่ก็จะสืบหาที่มาของเงินต่อไป