สธ.สั่งฟัน พยาบาล คดีขริบจู๋

สธ.สั่งฟัน พยาบาล คดีขริบจู๋

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แพทยสภาเตรียมลงดาบคลินิกขริบจู๋ เจ้าของมีโทษทั้งจำ-ทั้งปรับ ส่วนพยาบาลที่ลงมือผ่าตัดมีโทษจำคุก 3 ปี และปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งจะส่งผลสรุปให้สภาการพยาบาลพิจารณาด้านจริยธรรมวิชาชีพอีกด้วย ส่วนผู้เสียหายทางคลินิกจะต้องดูแลกระทั่งแผลหายดี พร้อมชดเชยด้านคุณธรรมอื่นๆ อีก

จากกรณีคลินิกในโครงการหลักประกันสุขภาพ ที่พระประแดง จ.สมุทรปราการ รักษาผิดที่โดยได้ผ่าตัดขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของเด็กชาย อายุ 12 ปี เป็นความผิดพลาดทางการสื่อสาร โดยเด็กต้องการรักษาผ่าฝีในปาก ประกอบกับผู้ทำการผ่าตัดเป็นพยาบาลไม่ใช่แพทย์คนเดียวกับที่ตรวจรักษานั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) น.พ.ปัญญา กีรติหัตถยากร ที่ปรึกษาอาวุโสสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องร้องเรียน กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาว่า แพทย์ผู้ที่ตรวจรักษาอาการให้เด็กชายดังกล่าว ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกด้วย มีความผิดตามมาตรา 34 (1) ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ที่ระบุให้ ผู้ดำเนินการ หรือ แพทย์ต้องควบคุมและดูแลมิให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ประกอบวิชาชีพผิดไปจากสาขา ที่ผู้รับอนุญาตได้แจ้งไว้ในการขอรับใบอนุญาต หรือมิให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล มีโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

น.พ.ปัญญากล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ จะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการสถานพยาบาล ที่มีน.พ. ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. เป็นประธาน เพื่อพิจารณา หากมีความเห็นตามคณะอนุกรรมการฯ จึงจะดำเนินการนำเรื่องส่งฟ้องไปยังศาล ซึ่งการลงโทษตามกฎหมายมีความรุนแรงหรือไม่นั้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาล ส่วนสถานพยาบาลสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติเนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต อีกทั้งจากการตรวจสอบเครื่องมือ และการรักษาพยาบาลก็ได้มาตรฐานตามกฎหมายกำหนด แต่ไม่มีผู้ควบคุมในขณะปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น นอกจากนี้ แพทยสภาจะมีการพิจารณาด้านจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเจ้าของคลินิกดังกล่าวด้วย

น.พ.ปัญญา กล่าวว่า ส่วนพยาบาลที่เป็นผู้ลงมือผ่าตัดแพทยสภาจะพิจารณาว่ามีความผิด ตามพ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ด้วยหรือไม่ เนื่องจากมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ มาตรา 26 ซึ่งมีโทษจำคุก 3 ปี และปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งจะส่งผลสรุปให้สภาการพยาบาลพิจารณาด้านจริยธรรมวิชาชีพกับพยาบาลคนดังกล่าวด้วย

น.พ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในส่วนของผู้เสียหาย ทางคลินิกจะให้การดูแลเป็นอย่างดี จนกระทั่งแผลหายดี ทั้งรอยแผลผ่าตัดที่ปาก และแผลที่ขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ โดยจะดูแลไปจนกระทั่งเด็กโตเป็นหนุ่มอย่างดีที่สุด ขณะเดียวกันก็จะพิจารณาชดเชยทางด้านคุณธรรมตามความเหมาะสมต่อไป

น.พ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หากนางรัตนาภรณ์ มนัสชื้น มารดาของเด็กชายคนดังกล่าว เห็นว่าน้องเอเป็นปมด้อย เพราะถูกเพื่อนๆ ล้อในเรื่องดังกล่าวจนเป็นปัญหาสุขภาพจิตมากหรือน้อย ซึ่งต้องการได้รับความช่วยเหลือ ทางกรมสุขภาพจิตยินดีที่จะช่วยเหลือ โดยที่ จ.สมุทร ปราการ มีโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ที่มีจิตแพทย์ด้านวัยรุ่น

ยิ่งเป็นผลกระทบที่ได้รับกับอวัยวะสำคัญ ย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยไม่พบหน้า อาย ฯลฯ จึงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน อาการเหล่านี้จะหายไป แต่หากต้องการปรับตัวให้เร็วขึ้นหรือปรับตัวไม่ได้ หากต้องการใช้บริการทางการแพทย์ให้คำแนะนำเพื่อให้ปรับตัวเร็วขึ้นก็ สามารถมารับบริการได้ทันที น.พ.วชิระ กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook