แฟนให้ไปเอาของขวัญ หนุ่มลูกตร.ถูกยิงดับในวันเกิด

ขอขอบคุณภาพจาก กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง รหัสคำรพ 57

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 23.40 น. สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุวัยรุ่นถูกยิงเสียชีวิตหน้าร้านเอกรัฐ มิวสิก บริเวณตลาดประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ที่เกิดเหตุพบศพนายณัฐชา ทองมี หรือ ตั๋ง อายุ 21 ปี ลูกชาย ร.ต.ท.ประชา ทองมี เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.ปส ซึ่งก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ป.สน.ประชาชื่น ก่อนย้ายไปรับตำแหน่ง ที่ บช.ปส.

สภาพศพนายณัฐชา นอนจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่แผ่นหลัง 1 นัด ศีรษะด้านหลังซ้าย 1 นัด ใกล้กันพบรถจยย. ยามาฮ่า รุ่นอาร์ 15 สีน้ำเงินขาว ทะเบียน 3 กง 1074 กทม.

จากการสอบสวนนางปาณิสรา ทองมี มารดาของผู้เสียชีวิต ให้การด้วยน้ำตานองหน้าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลา 18.00 น. แฟนสาวของลูกชายโทรมาขอให้ลูกชายเติมเงินโทรศัพท์มือถือให้ 100 บาท ต่อมาโทรมาอีกครั้ง ก่อนลูกชายบอกตนว่าจะออกมาเอาของขวัญ ก่อนที่ตนจะได้รับแจ้งว่าลูกถูกยิงเสียชีวิต

ด้าน นายวัชระ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนและผู้ตายชอบมานั่งเล่นเกมที่ร้านดังกล่าว วันนี้ก็ออกมานั่งเล่นตามปกติ จนเมื่อเวลา 22.00 น. ระหว่างที่ตนนั่งเล่นอยู่หน้าร้าน พบว่ามีวัยรุ่น 3 คน ขี่รถจยย.ฮอนด้า รุ่นซูมเมอร์เอ็กซ์ สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดที่หน้าร้าน สวมหมวกกันน็อกปิดบังหน้าตา ก่อนที่จะทำทีมาถามเส้นทางและถามว่ารู้จักอ๊อฟ บ้านไม้ หรือไม่ ตนเองก็ตอบกลับไปว่าไม่รู้ ต่อมาก็วนกลับมาอีกครั้งและถามคำถามเดิมก่อนขับออกไป

ต่อมาเมื่อเวลา 23.00 น. ร้านกำลังจะปิด ตนและผู้ตายได้นัดกันออกไปหาอะไรกิน ขณะที่ตนยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน มีกลุ่มวัยรุ่นได้ขับขี่จยย.มาจอดประกบรถของผู้ตายที่กำลังเตรียมขับออกไป ว่ารู้จักอ๊อฟ บ้านไม้หรือไม่ ตนได้สังเกตเห็นคนที่นั่งซ้อนท้ายชักอาวุธปืนไม่ทราบชนิดออกมาจ่อยิงจำนวน 2 นัด ก่อนที่วัยรุ่นทั้ง 3 คน จะขับหลบหนีไป

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ 3 ประเด็น คือ อาจยิงผิดตัว เนื่องจากผู้ตายชื่อเล่นว่า ตั๋ง และประเด็นชู้สาว เนื่องจากมีการนัดแนะผู้ตายให้ออกมารับของขวัญที่เกิดเหตุ ประเด็นสุดท้ายเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา กลุ่มผู้ตายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นอีกกลุ่ม จนอาจตามมาล้างแค้น

ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวนจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ แต่ยังไม่พบตัวคนร้ายแต่อย่างใด