นายกขอเลิกขัดแย้งให้ยึดกระบวนการยธ.ย้ำมุ่งปรองดอง

นายกขอเลิกขัดแย้งให้ยึดกระบวนการยธ.ย้ำมุ่งปรองดอง

นายกขอเลิกขัดแย้งให้ยึดกระบวนการยธ.ย้ำมุ่งปรองดอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี หวังพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างประโยชน์การท่องเที่ยวเเละชุมชน ย้ำร่วมมือเพื่อนบ้าน เเก้ปัญหายาเสพติด มุ่งเน้นสร้างความเป็นธรรมในสังคม การรักษาความสงบเรียบร้อย และการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เเละหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวใน "รายการคืนความสุขให้คนในชาติ" ถึงเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมในขณะนี้ นั้นเรื่องใดที่อยู่ในกระบวนการของผู้ที่รับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล , คสช. , สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) , สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และกระบวนการยุติธรรมนั้น ตนอยากให้ผู้ที่มีหน้าที่และมีความรับผิดชอบโดยตรง ได้ดำเนินการไปจนกว่าจะจบกระบวนการ อยากให้ประชาชนติดตามอย่างมีสติ มีเหตุมีผล ใช้สติปัญญาความรู้ใคร่ครวญให้ถูกต้อง อย่าให้ทุกอย่างต้องเป็นอุปสรรคกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในภาคใหญ่ของประเทศ และปัญหาของประชาชน สำหรับการมีส่วนร่วมของประชาชน ภาคประชาสังคม และอื่น ๆ นั้น รัฐบาลเราพร้อมจะรับฟัง แต่ท่านก็ต้องรับฟังจากฝ่ายรัฐบาลด้วย เอาข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์มาโต้แย้งกัน อย่างมีหลักการและเหตุผล หากมีข้อมูลชัดเจนกว่า ไม่ใช่เป็นแต่เพียงคำบอกเล่า หรือพิสูจน์ไม่ได้มาพูดคุยมันก็ไปกันไม่ได้ หากข้อมูลดีกว่าของรัฐบาล รัฐบาลก็พร้อมที่จะนำมาแก้ไขและปรับปรุง

ทั้งนี้ ได้เป็นประธานเปิดงานกล้วยไม้ รอบคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งทำให้ตนได้เห็นว่าคลองผดุงกรุงเกษมที่มีน้ำที่สะอาด และมีพื้นที่ที่ว่างอยู่พอสมควรข้างทำเนียบรัฐบาล มีบรรยากาศที่ดี จึงคิดว่าประเทศไทยน่าจะมีสถานที่ และสิ่งสวยงามที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก และมีความเป็นเอกลักษณ์ แต่จะทำอย่างไรให้สวยงามมากยิ่งขึ้น เกิดประโยชน์ เเละพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนได้นั้น จะให้หน่วยงานส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูเเล และเพื่อให้เป็นช่องทางให้พ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบพื้นที่การจราจรได้เข้ามาค้าขายได้ด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับปัญหาปัญหายาเสพติด ว่า ในเวลานี้รัฐบาลได้ดำเนินการพร้อม ๆ กัน ทั้งการป้องกันและปราบปรามเครือข่ายภายในประเทศ ในพื้นที่เป้าหมาย เช่น ชุมชนเสี่ยงเขตเมือง โรงเรียน เรือนจำ และการสกัดกั้นการลักลอบมาจากภายนอกประเทศ เช่น ประเทศเพื่อนบ้าน ชายแดน แหล่งผลิตจากหลาย ๆ ที่

เเละสองสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินการร่วมกับเมียนมาร์ - ลาว - กัมพูชา - เวียดนาม ในเรื่องนี้ และในขณะนี้ทางรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ก็กำลังเดินทางไปประชุมความร่วมมือกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในเรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติอย่างยั่งยืน และได้จัดทำแผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ทำอย่างไรให้ปลอดภัยในเรื่องของการสัญจรไป-มาค้าขาย

นอกจากนี้ รัฐบาลและ คสช. ยังมุ่งเน้น ในด้านการสร้างความเป็นธรรมในสังคม การรักษาความสงบเรียบร้อย และการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์อย่างต่อเนื่องรวมถึงรื่องของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน 

ส่วนถึงการจัดระเบียบรถแท็กซี่ ว่า ในส่วนของการให้บริการบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีปัญหามาโดยตลอด ได้ให้มีการนำเอาระบบเทคโนโลยีสารเทศเพื่อการบริการจัดการรถแท็กซี่ จะมีการติดตั้งตู้ KIOSK ในการออกบัตรคิว ซึ่งจะทำให้รถแท็กซี่ทุกคันไม่สามารถเลือกรับหรือปฏิเสธผู้โดยสารได้ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดกวดขันรถแท็กซี่ มีมาตรการในการลงโทษ ไม่ให้มีการเรียกเหมาราคา ตั้งจุดตรวจสอบรถแท็กซี่ทุกคันที่บริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 8 ซึ่งได้เริ่มให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอร้องแท็กซี่ ทุกคนอย่าให้เสียชื่อกับการท่องเที่ยว หรือเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสารไทยและชาวต่างชาติด้วย โดยอยากจะรวมความไปถึงแท็กซี่ทุกคัน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องของการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ว่า ขณะนี้ มีร่าง พ.ร.บ. ที่เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติแล้วจำนวน 181 ฉบับ ร่าง พ.ร.บ. ที่กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วเสร็จและอยู่กับหน่วยงาน จำนวน 19 ฉบับ นอกจากนั้นก็ยังมีร่าง พ.ร.บ. ที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องเตรียมการเสนอ ครม. และ พ.ร.บ.ใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาเตรียมยกร่างอีก จำนวน 144 ฉบับ เรื่องกฎหมายนี้คงต้องช่วยกันให้เกิดขึ้นมาให้ได้แล้วก็แก้ไขปรับปรุงก็ว่ากันมาให้เรียบร้อย

ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวน และการจัดสรรที่ดินได้สั่งการให้อธิบดีกรมป่าไม้ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานเชิงพื้นที่ ให้กำหนดพื้นที่เป้าหมายการปฏิบัติงาน เป็น  AO (Area of Operation) และออกปฏิบัติการเพื่อดูแลพื้นที่ป่าและยึดคืนผืนป่าที่นายทุนครอบครองคืน เเต่ก็ให้ความเป็นธรรมกับทุกส่วน เพราะให้อยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์สิทธิ์ถึงจำนวน 5,854 ไร่ 

เรื่องการจัดที่ดินทำกินนั้น จะจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เเละกำหนดเป้าหมายในการจัดที่ดินทำกินในปี 2558 ให้กับราษฎร จำนวน 63,000 ราย และกำหนดเป้าหมายการตรวจสอบการถือครองในเขตปฏิรูปที่ดินในด้านสิทธิและการทำประโยชน์ในที่ดินของเกษตรกรที่ได้รับสิทธิจำนวน 12.33 ล้านไร่ 1,024,044 แปลง ในปีที่ผ่านได้เห็นชอบให้ดำเนินการจัดสรรที่ดินจำนวน 58,000 ไร่ ให้กับราษฎร จำนวน 9,000 ราย ใน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ มุกดาหาร ชุมพร นครพนม


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับปรุงและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ได้มีการเตรียมการประชุมฝ่ายไทยสำหรับการประชุมร่วมไทย-จีน ครั้งที่ 1 ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในเส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด และกรุงเทพ-แก่งคอย ที่ได้มีการลงนาม MOU กับจีนเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ก็จะมีการลงพื้นที่สำรวจศึกษาออกแบบก่อสร้างในวันที่ 1 มีนาคมนี้ โดย แผนการก่อสร้างที่ตกลงกันไว้นั้น จะแย่งเป็น 4 ช่วงด้วยกัน ระยะทางรวม 873 กิโลเมตร

ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างงานโยธาในวันที่ 1 กันยายน 2558 ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เตรียมการสำหรับการพัฒนาเส้นทางเพิ่มเติมในการเจรจาการพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่กับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตนจะเดินทางไปพบปะกับผู้นำประเทศญี่ปุ่นในต้นเดือนกุมภาพันธ์เพื่อร่วมหารือความร่วมมือกัน สำหรับในส่วนของการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้านั้น คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจากการพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้า อาทิ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินบริเวณที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แล้วก็เร่งดำเนินการในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย ทุกเส้นทางให้ได้ข้อยุติโดยเร็วด้วย

นอกจากนี้ เรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ ถือว่าเป็นนโยบายหนึ่งที่จะส่งเสริมในเรื่องของการเชื่อมโยงระหว่างกัน ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน เป็นการเพิ่มมูลค่าในการค้าขายระหว่างกัน ปัจจุบันนั้นประเทศไทยมีเขตเศรษฐกิจตามแนวชายแดนที่สำคัญถึง 13 จุด คิดเป็นมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันเกือบ 8 แสนล้านบาทต่อปี แต่ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านั้น ที่มีการค้าขายนั้นยังไม่เพียงพอ รัฐบาลจึงได้มีนโยบายที่จะพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเหล่านั้นให้เป็นฐานการเชื่อมต่อทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและภูมิภาค โดยจะพัฒนาให้มีระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงทั่วถึงกัน มีการวางผังเมืองและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งหลายอย่างก็ได้อนุมัติไปแล้วในรัฐบาล มี 5 พื้นที่หลักในปี 2558 ได้แก่ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook