จับตา! มหาเถรสมาคม พิจารณาหารือปาราชิก พระธัมมชโย

จับตา! มหาเถรสมาคม พิจารณาหารือปาราชิก พระธัมมชโย

จับตา! มหาเถรสมาคม พิจารณาหารือปาราชิก พระธัมมชโย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(20 ก.พ.) ผู้คนในสังคมกำลังเฝ้าติดตามประเด็นที่ในวันนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เสนอให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้ร่วมพิจารณาประเด็นการปาราชิกของ พระธัมมชโย ส่วนในสัปดาห์หน้าเตรียมเปิดคำชี้แจงกรณีวัดพระธรรมกายรับเงินบริจาค 120 ล้านบาท ที่ได้มาจากการยักยอกของผู้จัดการสหกรณ์ยูเนี่ยน

สำหรับวาระสำคัญในวันนี้ของการประชุมมหาเถรสมาคม คาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่อง พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย และ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งพระลิขิตทั้ง 6 ฉบับของสมเด็จพระสังฆราช เคยถูกนำไปพิจารณาในมหาเถรสมาคมมาแล้วตั้งแต่ปี 2542 โดยในพระลิขิตฉบับที่ 3 ได้กล่าวถึงเรื่องปาราชิกเอาไว้ด้วย

ทั้งนี้ การพิจารณาดังกล่าวจะถูกแบ่งออกเป็นประเด็นหลัก 2 เรื่อง ได้แก่ กรณีที่ดินที่มีการฟ้องร้อง และ เรื่องอาบัติปาราชิก ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธฯ เคยพิจารณาเรื่องที่ดินแล้ว มีมติว่าควรให้คดีความสิ้นสุดลงก่อน ก่อนจะมีการถอนฟ้องออกไปในปี 2549 ส่วนประเด็นการปาราชิกถือเป็นโทษร้ายแรงของพระสงฆ์ เมื่อปาราชิกแล้วไม่สามารถกลับมาบวชได้อีกซึ่งเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่จะต้องชี้ความผิดต่างๆ

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกาย เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีอาบัติปราชิก ระบุข้อความสั้นๆ ว่า "ข้อกล่าวหาต่างๆ ยุติแล้ว" และสิ่งที่ถูกนำเสนอเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากการได้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน

นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ดังกล่าว ยังได้ระบุด้วยว่า มีการถวายคืนตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแก่ พระธัมมชโย ในปลายปี 2549 และได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระเทพญาณมหามุนี ในปี 2554

ส่วนกรณีความคืบหน้าคดีที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยน คลองจั่น และพวกยักยอกเงินสหกรณ์กว่า 12,000 ล้านบาท พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยจะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนซึ่งหากตรวจสอบพบว่าผู้ที่รับเงินจำนวนดังกล่าว คือพระธัมมชโย ก็จะต้องถูกเชิญตัวมาสอบสวน

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ประเด็นนี้คงต้องรอมติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปล่อยให้ดำเนินตามขั้นตอนไป ไม่จำเป็นต้องเร่งหรือสุมไฟกัน ควรไปถามรัฐบาลชุดก่อนหน้า ตั้งแต่ปี 2542 ทำไมถึงไม่ทำมติออกมา ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณารับเรื่องมาทั้งหมดและค่อยดำเนินการ

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ไทยพีบีเอส และ ข่าวสดออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook