กลับคำ! หนุ่มถูกจับผิดตัวคดีข่มขืนคนแก่ บอกไม่ได้ถูกตร.ซ้อม

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปกรณ์ เสริมสุวรรณ ผบก.สส.ภ.3 ได้รับการประสานจาก ตำรวจภูธรภาค 7 ว่ามีผู้ต้องสงสัยมีรูปพรรณ ส่วนสูง รูปร่างหน้าคล้ายภาพสเก็ตช์ ในคดีก่อเหตุข่มขืนผู้สูงอายุ ในเขตพื้นที่ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และจ.สมุทรสงคราม รวม 10 คดี โดยผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวชื่อ นายตะวัน อายุ 35 ปี อาศัยอยู่ที่โรงทำน้ำแข็งแห่งหนึ่ง สาขาพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา โดยเจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสอบ ภาค 3 นำกำลังไปตรวจสอบ และเชิญตัวมาสอบปากคำเบื้องต้นที่ กก.สส.2.บก.ภ.3

จากนั้นได้ประสานไปทางตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อแจ้งให้ทราบว่าได้ติดตามผู้ต้องสงสัยตามภาพสเก็ตช์ได้แล้ว จากนั้นนำตัวไปตรวจดีเอ็นเอ ที่ศูนย์ สพฐ.3 จนกระทั่งผลตรวจดีเอ็นเอ ออกมาไม่ตรงกับผลตรวจดีเอ็นเอที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ จึงได้ปล่อยตัวกลับบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือขู่เข็ญให้ยอมรับแต่อย่างใด แต่ต่อมามีการเสนอข่าวว่ามีการจับผิดตัว และเกิดการทำร้าย บังคับจิตใจ นำเสนอออกไป

ล่าสุดเมื่อ เย็นวานนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า พล.ต.ต.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ รอง ผบช.ภ.3 ได้เชิญตัว นายตะวัน ผู้ต้องสงสัย พร้อมกับญาติ มาชี้แจงข้อเท็จจริงที่ห้องประชุมตำรวจภูธรภาค 3 โดยผู้ต้องสงสัยเล่าว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเชิญตัวมาสอบถามนั้น ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายหรือข่มขู่แต่อย่างใด ส่วนร่องรอยฟกช้ำบริเวณซี่โครงด้านขวาที่มีรอยแดงนั้น เกิดจากการทำงาน ไม่เกี่ยวกับการถูกซ้อมตามที่ข่าวได้นำเสนอไปก่อนหน้า โดยในระหว่างที่ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สอบถามเป็นปกติ และขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลตนเองเป็นอย่างดี จึงไม่อยากให้ประชาชนที่เสพข่าวเกิดการสับสนถึงข้อมูลที่ผ่านมา

โดยในวันที่เกิดเหตุตนเกิดด้วยความกลัวและตกใจ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาสอบปากคำในตอนค่ำ นอกจากนั้น เจ้าตัวยังยืนยันถึงข้อเท็จจริงว่าตำรวจเดินกอดคอ และประคองแขนตนเข้าไปในห้องสืบสวน ซึ่งหลังจากที่กลับบ้านไปแล้ว ตนได้ไปตัดผมใหม่เมื่อเช้าวันนี้ เพื่อเปลี่ยนบุคลิกให้ชีวิตดีขึ้น วันนี้ที่ตนเดินทางมาพบตำรวจ เห็นว่าข่าวที่ออกไปบ้างแล้วนั้นมีความคลาดเคลื่อนและเข้าใจผิด จึงได้เดินทางมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง