กมธ.ยกร่างถกภายใน-สมบัติบอกเลือกสว.ทางอ้อมซับซ้อน

ประธานกมธ.ยกร่างฯ ขอประชุมภายในหาข้อยุติประเด็นที่แขวนไว้ 10 เรื่อง ก่อนทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ ส่ง สปช. พิจารณา ขณะที่ 'สมบัติ' บอก เลือกสว.ทางอ้อมซับซ้อนสับสน

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณารายมาตรา วันที่ 5 โดยวันนี้ กรรมาธิการขอประชุมเป็นการภายใน เนื่องจากมีประเด็นสำคัญที่ต้องถกเถียงหลายเรื่อง อาทิ การทำสนธิสัญญาตามมาตรา 190 เดิม เรื่องการปฏิรูปสื่อมวลชน การกำหนดสัดส่วนของสตรีที่จะเข้าไปเป็นผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น จำนวน 1 ใน 3 การกำหนดสัดส่วนของผู้หญิงจำนวน 1 ใน 3 ในการเข้ารับการหยั่งเสียงเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงกระบวนการก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของพลเมือง เรื่องการออกเสียงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในแต่ละมาตรา และก่อนการประชุม นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า กรรมาธิการ จะประชุมเพื่อหาข้อยุติในประเด็นที่แขวนไว้กว่า 10 เรื่อง ให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ จากนั้นจะใช้เวลาตลอดเดือนมีนาคม ทบทวนและเรียงลำดับมาตราของรัฐธรรมนูญใหม่ ก่อนส่งร่างแรกให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ พิจารณาในวันที่ 17 เมษายน หลังจากนั้น อีก 1 สัปดาห์ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะเข้าร่วมประชุม สปช. เพื่อรับฟังความเห็นจากสมาชิก ก่อนนำร่างมาปรับแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง

 

'สมบัติ' บอก เลือกสว.ทางอ้อมซับซ้อนสับสน

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีที่ กมธ.ยกร่าง รธน. กำหนดให้ ส.ส. ในสภาเลือกนายกรัฐมนตรีเอง ส่วนตัวมองว่าควรให้ประชาชนเป็นผู้เลือกเองมากกว่า เพราะหากให้ ส.ส.เลือกกัน จะเกิดระบบอุปถัมภ์และก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งนี้ อยากให้ออกแบบโครงสร้างทางการเมืองให้มีรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งกว่าที่ผ่านมา ส่วนการให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. นั้นเป็นการแบ่งแยกอำนาจฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ ให้ทำหน้าที่เดียวเพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีการแบ่ง
แยกอำนาจนี้เป็นการนำรัฐธรรมนูญปี 2540 และรูปของประเทศอังกฤษมาประยุกต์ใช้ซึ่งมาความแตกต่างกันกับรัฐธรรมนูญปี 2550

นอกจากนี้ นายสมบัติ ยังกล่าวว่า ส.ว. ที่การเลือกตั้งโดยทางอ้อมนั้นมีความซับซ้อน ทำให้เกิดความสับสน และกังวลว่าจะมีการครอบงำของขั่วการเมือง ทั้งนี้ ต้องศึกษาในเรื่องดังกล่าวให้ละเอียด

 

กมธ.ยกร่างตัดม.189แจงให้อำนาจนายกมากเกินไป

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ชี้แจงการตัดมาตรา 189 ที่ได้มีการยกร่างระบุว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความเป็นเอกราชของชาติ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อย หรือกรณีที่เกิดความขัดแย้งอันอาจนำไปสู่ความรุนแรงขึ้นในประเทศ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือนอกราชอาณาจักร จะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีทั้งคณะมีอำนาจใช้มาตรการที่จำเป็นในการจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ หลังจากที่มีการหารือกันอย่างเป็นทางการกับประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เนื่องจากมองว่า มาตรานี้เป็นการให้อำนาจกับนายกรัฐมนตรี หรือรัฐบาลมากเกินไป เพราะอำนาจที่มีอยู่ตามกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคง กฎหมายฉุกเฉิน กฎอัยการศึกต่าง ๆ สามารถนำมาบังคับใช้อยู่แล้ว จึงเห็นว่าไม่ควรที่จะบัญญัติไว้