“รักษ์น่าน อย่าหลงน่าน”

“รักษ์น่าน อย่าหลงน่าน”

“รักษ์น่าน อย่าหลงน่าน”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมมีโอกาสไปเที่ยวเมืองน่าน 2-3 ครั้ง มีโอกาสได้สัมผัสบางมุมของเมืองเล็กๆ แต่มีเสน่ห์ ตั้งแต่เป็นรุ่นหนุ่มแตกพาน ครั้งยังเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเริ่มทำงาน

ในสมัยนั้นเมืองน่านดูเงียบสงบ สมเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารักอย่างแท้จริง ในตัวเมืองน่านเองไม่มีผับบาร์ หรือแหล่งอบายมุขเหมือนกับ ตัวจังหวัดทั่วๆ ไป จนกระทั่งหลังจากนั้นหลายปี ก็ยังได้ทราบข่าวว่า เมืองน่านยังรักษา ความดีงามในเรื่องเมืองปลอดอบายมุขมาได้โดยตลอด

สำหรับประสบการณ์ในดินแดนเมืองน่าน แม้การไปเยือนเป็นระยะเวลาไม่ยาวนานนัก แต่ก็มีโอกาสไปอยู่ครั้งหนึ่งก็เกิน 5 วันขึ้นไป และส่วนใหญ่การไปสัมผัสบ้านเมืองและผู้คนที่นี่ จะเป็นเขตนอกเมืองน่านเสียส่วนใหญ่ เป็นหมู่บ้านใกล้เขตชายแดนเสียด้วยซ้ำไป

การไปเยือนเมืองน่าน ทำให้พอรู้ได้บ้างว่า ที่นี่เป็นเมืองที่มีความหลากหลายของผู้คนพอสมควร มีพี่น้องกลุ่มชาติพันธ์ หลายกลุ่มเช่นกัน อย่างเช่น ขมุ เย้าหรือเมี่ยน ถิ่น และม้ง มลาบรี หรือ คนเมืองเรียกว่า ผีตองเหลือง

ผมเองมีโอกาสไปอาศัยและเรียนรู้วิถีชีวิตของ พี่น้องขมุ เป็นระยะเวลาสั้นๆ ทำให้รู้ว่า สังคมดั้งเดิมของที่นี่ ยังมีการนับถือประเพณีดั้งเดิม การนับถือผี นับถือบรรพบุรุษกันอยู่ จะมีบ้างที่บางครอบครัว นับถือคริสต์ควบคู่ไปด้วย เหตุเพราะมีบาทหลวงเข้าไปเผยแพร่หลักศาสนาอยู่เหมือนกัน ซึ่งในหลายกลุ่มชาติพันธ์ในหลายพื้นที่สูงทางภาคเหนือ ก็มีลักษณะเช่นนี้เช่นกัน
การไปอาศัยและสัมผัสพี่น้องชาติพันธ์ ในขณะที่ผมเองเป็นชาวพุทธ หรือ นับถือศาสนาพุทธ ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ พี่น้องขมุก็ให้การต้อนรับสนิทสนม และเอ็นดูเราเหมือนลูกหลาน

ผมจึงมีความรู้สึกและชื่นชอบเมืองเล็กๆ อย่าง น่าน ค่อนข้างมาก แต่วันนี้ผมเห็นข่าว ชาวเมืองน่านจำนวนหนึ่งออกมาต่อต้าน การสร้างมัสยิดของพี่น้องมุสลิม ถึงขั้นรวมตัวกันไปประท้วงต่อผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเหตุผลตามที่ข่าวนำเสนอที่พอสรุปได้ ก็คือ

คนกลุ่มนี้เกรงว่า การสร้างมัสยิดจะเป็นการสร้างชุมชนของพี่น้องมุสลิม อาจจะทำให้เกิดความไม่สงบในเมืองน่าน เหมือนกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เหตุผลนี้ผมไม่เข้าใจว่า การสร้างศาสนสถานเพื่อประกอบพิธีตามหลักศาสนา จะไปเกี่ยวข้องกับการสร้างความรุนแรงขึ้นได้อย่างไร เพราะตามหลักของแต่ศาสนาก็ล้วนแต่ต้องการให้ผู้คนมีความสันติสุข เป็นผู้ปฏิบัติดีตามหลักคำสอนของศาสดากันทั้งสิ้น

มีการอ้างว่า เมืองน่านเป็นเมืองพุทธ ต้องการความสงบ เป็นเสมือนการแสดงออกว่าไม่ต้อนรับศาสนาอื่น มีการต่อต้านในทำนองว่า คนน่านไม่ต้องการมัสยิด มีการอ้างว่าไม่เหมาะสมที่ มัสยิดจะไปสร้างห่างจากพระธาตุแช่แห้ง เพียง 2 กิโลเมตรเป็นการไม่เหมาะสม ....? มีการอ้างว่าที่น่านเป็นที่มั่นสุดท้ายของพระพุทธศาสนา ไม่อยากให้มีใครมารังแก .....?

เรื่องนี้ก็น่าประหลาดใจไม่น้อย ที่มีการสร้างกระแสดังกล่าวขึ้นมา อย่างที่ผมเกริ่นยาวในตอนต้นว่า เมืองน่านเป็นเมืองที่มีความหลากหลายของชาติพันธ์ และมีการอยู่ร่วมกันมาอย่างสงบรักษาความดีงามเอาไว้ได้ด้วยดีเสมอมา แต่เหตุใดในความหลากหลายนั้นจึงมีการสร้างกระแสไม่ยอมรับ พี่น้องมุสลิม ไม่ยอมรับศาสนาอิสลามขึ้นมา

การสร้างเหตุผลว่าเมืองน่านเป็นที่มั่นสุดท้ายของพระพุทธศาสนา ก็เป็นการสร้างที่ไม่สะท้อนข้อเท็จจริงทางสังคม อย่างที่ยกมาแล้วว่า ที่นั้นก็มีทั้งการนับถือบรรพบุรุษ มีคริสต์เข้าไปนานนมแล้ว เมืองน่านไม่ได้นับถือศาสนาพุทธเพรียวๆ แต่อย่างใด เหมือนกับประเทศไทยที่ประกาศให้ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีศาสนาอื่นอยู่ในประเทศไทย

การเข้ามาของพี่น้องมุสลิม ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาอ้างได้ว่า จะทำลายพุทธศาสนา เพราะข้อเท็จจริง ความเสื่อมของสงฆ์ในพุทธศาสนาที่กำลังเป็นประเด็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ ล้วนเกิดจากตัวเองทั้งสิ้น เกิดจากการไม่ยึดพระธรรมวินัยอย่างถูกต้อง เกิดจากการไม่ยึดหลักธรรม ทั้งสิ้น

ความน่ารักของเมืองน่าน กำลังถูกชักนำไปในทางที่ผิดทิศผิดทาง หากจะรักษ์เมืองน่านจำเป็นต้องกลับมาทบทวน และพยายามรักษาเสน่ห์ของเมืองน่านที่มีความหลากหลายและอยู่รวมกันอย่างสงบ อย่าทำให้ความน่ารักของเมืองน่านต้องเปลี่ยนไป เพราะการสร้างความหลงให้กับเมืองน่านเลย.......

โดย...เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook