วิรัตน์หนุนมีนายกฯไม่จำเป็นต้องมาจากส.ส.

'วิรัตน์' หนุนมีนายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส. ชี้เป็นการแก้มาตรา 7 เดิม แนะเขียนให้ชัดเจนครอบคลุมเพื่อป้องกันวิกฤต - ค้าน ส.ว.เลือกตั้งทางอ้อมทั้งหมด

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา และหัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ก็ได้ ว่า ตนเองเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาได้มีการระบุนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 ไว้ แต่ไม่สามารถประสบความสำเร็จ ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ถ้าเกรงว่าสังคมจะเป็นกังวลในประเด็นที่มานายกรัฐมนตรีทางคณะกรรมาธิการยกร่างฯก็ควรจะมีการระบุให้ชัดเจนถึงที่มาของนายกรัฐมนตรี โดยเสนอให้มีการระบุไว้เป็นสองวรรค คือ วรรคแรกนายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรก่อน แต่หากมีเหตุการณ์วิกฤตเกิดขึ้นจนทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติงานได้หรือไม่มีนายกรัฐมนตรี ก็จะต้องระบุไว้อีกวรรคหนึ่งว่าให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการสรรหานายกรัฐมนตรีที่เป็นบุคคลภายนอกได้ เพราะหลักของการปกครองในประเทศที่เป็นระบบรัฐสภานั้น นายกรัฐมนตรีจะมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎร

นายวิรัตน์ ยังเปิดเผยถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มาจากการสรรหาทั้ง 200 คน ว่า ตนเองรับได้ในสัดส่วนที่มาจากอดีตนายกรัฐมนตรี อดีตประธานศาล อดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพ และอดีตปลัดหรือข้าราชการระดับสูง แต่เห็นว่าในสัดส่วนที่มาจากตัวแทนองค์กรวิชาชีพ ที่เปิดโอกาสให้จนถึงปราชญ์ชาวบ้านนั้นไม่ค่อยเห็นด้วย จึงอยากเสนอให้ใช้แบบเดิมที่ให้ ส.ว.มาจากการสรรหาครึ่งหนึ่งและมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนอีกครึ่งหนึ่ง โดยในสัดส่วนของการเลือกตั้งนั้น ให้แต่ละองค์กรวิชาชีพเลือกตัวแทนขึ้นมาให้มีจำนวนเป็น 2 เท่าของสัดส่วนที่ได้รับสิทธิ์ แล้วจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้เลือก 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของ ส.ว. เพื่อให้ได้ฐานเสียงที่แตกต่างไปจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเพื่อไม่ให้ ส.ว. ตกไปเป็นเครื่องมือของนักการเมืองอีก