เกษตรกรโคราชไม่สนคำเตือนชลประทานเร่งสูบน้ำเพาะปลูก

เกษตรกรโคราชไม่สนคำเตือนชลประทานเร่งสูบน้ำเพาะปลูก

เกษตรกรโคราชไม่สนคำเตือนชลประทานเร่งสูบน้ำเพาะปลูก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เกษตรกรในโคราช ไม่สนคำเตือนชลประทาน เร่งเดินเครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกหลายหมื่นไร่

ภายหลังจากที่สำนักงานชลประทานที่ 8 ได้มีการประชุมกับกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อขอความร่วมมือประชาชนและเกษตรกรที่อาศัยติดอยู่กับลำน้ำ ขอให้หยุดการเพาะปลูกข้าวนาปรังและพืชฤดูแล้ง เนื่องจากปริมาณน้ำภายในเขื่อนแต่ละเขื่อนจะต้องบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์ปริมาณน้ำภายในเขื่อนมีปริมาณน้ำที่ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด วันนี้ (29 มี.ค. 58) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบลำน้ำลำตะคอง ที่เป็นลำน้ำสายหลักที่ทางเขื่อนลำตะคองได้มีการจัดสรรปริมาณน้ำลงสู่พื้นที่ต่ำเพื่อที่ใช้ผลิตเป็นน้ำอุปโภคบริโภคตลอดเส้นทางกว่า 120 กิโลเมตร ผ่านทั้งหมด 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.เมือง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ จนถึงตัวเมืองนครราชสีมา พบว่า ตลอด 2 ข้างทางของลำน้ำลำตะคอง ยังคงมีเกษตรกรได้นำเครื่องสูบน้ำมาทำการติดตั้ง บริเวณฝั่งลำน้ำลำตะคองเพื่อเตรียมสูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรัง ขณะที่บางรายก็ยังคงเร่งดำเนินการสูบน้ำลำรางน้ำที่ได้ทำไว้เพื่อให้ปริมาณน้ำไหลเข้าที่เพาะปลูกข้าวนางปรังของตนเองที่กำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ได้สนใจคำเตือนของทางชลประทานเป็นจำนวนหลายหมื่นไร่

นายชิตชนก สมประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 8 เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ปริมาณน้ำกักเก็บภายในเขื่อนเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดนคราชสีมา มีปริมาณกักเก็บเฉลี่ยอยู่ที่ 39% ของความจุ ซึ่งการที่เกษตรกรที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำจะมีการสูบน้ำเข้าที่พื้นที่เพาะปลุกของตนเอง โดยที่ไม่สนใจการขอความร่วมมือของทางเจ้าหน้าที่ ตนเองคิดว่าเป็นเรื่องที่สั่งห้ามได้ยาก เนื่องจากลำน้ำที่ทางชลประทานได้จัดสรรน้ำออกมาเพื่ออุปโภคบริโภคนั้นเป็นลำรางที่เปิด จึงทำให้เมื่อเกษตรกรเห็นว่ายังคงมีปริมาณน้ำอยู่ภายในลำน้ำก็จะนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งและก็จะสูบน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูก จึงทำให้ทางชลประทานทำได้เพียงบอกกล่าวและขอความร่วมมือ


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook