ประวิตรเชื่อนายกใช้ม.44ไม่เหลิงอำนาจเน้นป้องป่วน

พล.อ.ประวิตร มั่นใจ นายกรัฐมนตรี ใช้ มาตรา 44 รัดกุมไม่เหลิง เน้นดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ยันรัฐบาลไม่ได้ตำหนิต่อว่ารัฐบาลชุดก่อนเรื่องค้ามนุษย์ แต่แก้ไม่ตรงจุด เตรียมประกาศเป็นวาระแห่งชาติ 3 เม.ย.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณีกรรมการสิทธิมนุษยชน หรือ กสม. แสดงความกังวลการนำมาตรา 44 มาใช้แทนกฎอัยการศึกจะทำให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจมากเกินไปและเสนอให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแทน ว่า กฎหมายที่นำมาใช้นั้น เพื่อป้องกันคนคิดไม่ดีต่อประเทศเท่านั้น ดังนั้น คนดีไม่ต้องเป็นห่วง และไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยที่ผ่านมาทั้ง พ.ร.บ.ความมั่นคงและพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เคยใช้มาแล้วเป็น 10 ปี แต่ก็ไม่ได้ผล

ส่วนกรณีมีการเปรียบเทียบระหว่างมาตรา 44 กับกฎอัยการศึก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การใช้กฎอัยการศึกอาจดูรุนแรงในสายตาต่างชาติ ดังนั้น จึงพิจารณานำมาตรา 44 มาเพื่อใช้ดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยแทน โดยอำนาจทั้งหมดอยู่ที่นายกรัฐมนตรี และเห็นว่าทั้งมาตรา 44 และกฎอัยการศึกมีค่าเท่ากัน เพราะใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ โดยมาตรา 44 ยังคงเน้นในเรื่องการควบคุมตัวตรวจค้นและออกหมายจับเช่นเดียวกับกฎอัยการศึก

พล.อ.ประวิตร ยังระบุถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พาดพิงรัฐบาลตนเองว่าไม่แก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ต่อว่ารัฐบาลชุดที่แล้วถึงการไม่แก้ปัญหา เพียงแต่เห็นว่าแก้ไขไม่ตรงจุด และไม่แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งไม่เป็นไปตามหลักสากล 

ซึ่งวันที่ 3 เมษายนนี้ รัฐบาลจะประกาศให้การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อไม่ให้ผิดเงื่อนไขกฎหมายการควบคุมการทำประมงผิดกฎหมาย ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข ทั้งแรงงานเถื่อน แรงงานเด็ก และภาคประมง  


นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยอมรับว่า การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวพันกับการค้ามนุษย์นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต่างชาติเพ่งเล็ง ซึ่งรัฐบาลนี้ได้พยายามแก้ไขและเอาผิดตามกฎหมาย