ปลัดกทม.สั่ง4เขตชั้นในรับมือม็อบเสื้อแดง

ปลัดกทม.สั่ง4เขตชั้นในรับมือม็อบเสื้อแดง

ปลัดกทม.สั่ง4เขตชั้นในรับมือม็อบเสื้อแดง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประธานชมรม อบต.บางมูลนาก ย้อนเสื้อแดงขับไล่รัฐบาลมีวัตจิถุประสงค์อะไร รองประธานสภาธุรกิจชายแดนภาคใต้ หวั่น นปช.ประกาศเสื้อแดงชุมใหญ่31ม.ค.ทำสังคมวุ่นหนัก หวังเห็นการเคลื่อนไหวภายใต้กรอบกฎหมาย นปช.ชุมนุมใหญ่เสาร์นี้พร้อมเคลื่อนปิดล้อมทำเนียบฯ

นายมานะ วุฒฑยากร ประธานชมรม อบต.บางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า กรณีกลุ่มเสื้อแดง เตรียมระดมชาวบ้านมาชุมนุมในวันที่ 31 มกราคม 2552 ที่ท้องสนามหลวง เพื่อขับไล่รัฐบาลโดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นแกนำรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้อยากถามว่ากลุ่มเสื้อแดงว่าสาเหตุที่จะออกมาขับไล่ทำเพื่ออะไร รัฐบาลชุดนี้ผิดอะไร บริหารบ้านเมืองไม่ดีตรงไหน อยากให้ออกมาชี้แจง

นอกจากนี้ กลุ่มเสื้อแดงยังออกมากล่าวหารัฐบาลว่าไม่มีความชอบธรรม โดยไปปล้นเสียง ส.ส.มา ถามว่าจริงหรือที่เขาปล้น ถ้ารัฐบาลที่ผ่านมาดี ทำไม ส.ส.ถึงมาจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาลซึ่งพรรคที่เขาร่วมรัฐบาลคงเห็นว่าอยากให้บ้านเมือง มีความสงบสุข อยากให้กลุ่มเสื้อแดงหยุดเคลื่อนไหวในการกระทำเสียที เพราะว่าไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติ อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลบริหารประเทศถูกทางแล้วและกำลังเข้ารูปเข้ารอยและเป็นที่ยอมรับของประชาชนมาก

เอกชนหวัง"เสื้อแดง"ชุมนุมใหญ่ภายใต้กรอบกฎหมาย

ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ รองประธานสภาธุรกิจชายแดนภาคใต้(ไอเอ็มที-จีที) เปิดเผยถึงการประกาศชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่31มกราคม เพื่อกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้ที่เกี่ยวข้องในการยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินนานาชาติอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีดำเนินปลดนายกษิต ภิรมย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลทั้งหมด และการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาบังคับใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งที่จะส่งผลให้บรรยากาศในสังคมรวมทั้งอุณหภูมิการเมืองสูงขึ้นอีกครั้ง

ดร.สุรชัย กล่าวต่อว่า ในฐานะภาคเอกชนรู้สึกกังวลถึงผลพวงที่จะตามมาในการประกาศรวมพลเพื่อชุมนุมใหญ่ของกลุ่มใคนเสื้อแดงครั้งนี้ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของคนเสื้อเหลืองได้เกิดขึ้นกับสังคม และบ้านเมืองมาแล้วอย่างเลี่ยงไม่ได้แม้จะเปิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระดับหนึ่งก็ตาม แต่ต้องไม่ลืมว่าการปิดสนามบิน2แห่ง ทำให้วันนี้สถานการณ์ทางด้านการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในภาวะซบเซาและอยู่ระหว่างการฟื้นฟู

"ในภาวะที่ทุกฝ่ายพยายามหาทางฝ่าวิกฤตที่เกิดขึ้น การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงอาจทำให้การขับเคลื่อนมีอุปสรรคมากขึ้นได้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นการเมืองไทยในสายตาต่างประเทศ เพราะเราต้องพึ่งการท่องเที่ยว การค้ากับต่างประเทศ และการส่งออก ฉะนั้นภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นเป็นเรื่องสำคัญ"ดร.สุรชัย กล่าว

รองประธานสภาธุรกิจชายแดนภาคใต้ กล่าวต่อว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ สังคมได้แต่คาดหวังว่าจะเป็นไปภายใต้กรอบกฎหมาย เพื่ออย่างน้อยไม่ให้เกิดความวุ่นวายซ้ำเติมสังคมไทยเพิ่มขึ้นอีก เพราะหากสถานการณ์บานปลายเชื่อว่าจะฉุดให้บรรยากาศทุกอย่างของประเทศไทยอาจย่ำแย่หนักกว่าที่เป็นอยู่อีก

รองประธานสภาธุรกิจชายแดนภาคใต้ กล่าวต่อว่าในความคิดส่วนตัวเห็นว่าขณะนี้ยังไม่มีเงื่อนไขที่สุกงอมพอที่จะเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้รัฐบาลชุดนี้ประกาศยุบสภา เนื่องจากการเข้ามาทำงานในภาวะสังคมไม่ปกติอาจต้องให้เวลาพิสูจน์ผลงานมากกว่าปกติ ในณะที่ประชาชนในสังคมต่างคาดหวังเห็นรัฐแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเร่งด่วน ฉะนั้นเมื่อสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองของอีกฝ่าย อาจส่งผลให้แนวทางการกดดันเป็นไปในทิศทางที่เข้มข้นมากขึ้นเพื่อหวังบรรลุเป้าหมายซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อสังคมไทยได้

ผบช.ภ.3 เชื่อคุมเสื้อแดงในพื้นที่ได้

พล.ต.ท.กฤษฏา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ทางตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งดูแลรับผิดชอบในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง 8 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ ยโสธร อำนาจเจริญและจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีการเตรียมพร้อมรองรับหากเกิดความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงไว้อย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถความคุมสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า ได้สั่งการให้สถานีตำรวจทุกสถานีในเขตรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3 ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ตามระบบที่ได้กำหนดไว้อย่างเต็มที่ เชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือเกิดความไม่สงบขึ้นในพื้นที่อย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในขณะนี้ เท่าที่ได้รับรายงานในทุกจังหวัดยังไม่พบว่ามีการเคลื่อนไหวใดๆที่รุนแรง ส่วนการที่จะสั่งให้ตั้งด่านสกัดกั้นของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ที่จะเดินทางไปร่วมชุมนุมกับแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 31 มค.52 และเคลื่อนตัวไปทำเนียบรัฐบาล หรือไม่นั้น คงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งในระบบการควบคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ ให้เคลื่อนไหวโดยสงบ ของทางตำรวจภูธรภาค 3 ก็คงจะเป็นจะใช้มาตรการดังกล่าวซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะต้องปฏิบัติต่อไปต่อจากนี้

พล.ต.ท.กฤษฏา ได้ฝากไปยังกลุ่มเสื้อแดงในพื้นที่ภาคอีสานรวมถึงทั้งทั่วประเทศว่า อยากให้ทุกคนเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ยุติการเคลื่อนไหวต่างๆที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ขอให้ทุกคนอยู่อย่างสงบ แต่หากต้องการที่จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องอะไรต่างๆ ก็ขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฏหมายกำหนด ใช้สิทธิแต่พอดี ไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น อย่าทำให้ประเทศเดือดร้อน แต่ทางที่ดีขอให้ทุกคนอยู่อย่างสงบดีกว่า และหากว่ามีผู้ใดมาชักชวนให้ออกไปร่วมเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม ก็ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคน ใช้วิจารณญาณของตนเอง ตรองดูว่าควรหรือไม่อย่างไร ซึ่งเชื่อว่าทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง และเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ทุกคนก็คงจะรู้ดีว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งไม่ดี สมควรทำหรือไม่

เสื้อแดงลำปางยื่น3เรื่องหลักผ่านผู้ว่าฯถึงนายกฯ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 29 มกราคม ที่ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลำปาง กลุ่มคนเสื้อแดงในนามคนรักลำปาง 51 ประมาณ 10 คน ได้ขอเข้าพบนายอมรพันธุ์ นิมานันทน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ติดภารกิจประชุมงานของจังหวัด ไม่สามารถออกมาพบและรับหนังสือได้ โดยให้นายนิวัฒ เมธีวรรณกิจ ปลัดจังหวัดลำปาง และ นายสันติ นฤมิตร ป้องกันจังหวัดลำปาง ในนามจังหวัดลำปาง เป็นผู้ออกมารับมอบแทน

สำหรับการขอเข้าพบครั้งนี้ ของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อยื่นหนังสือให้ทางจังหวัดลำปาง ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี ให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ดำเนินงานอย่างจริงจัง เพื่อเร่งนำตัวผู้กระทำผิดที่เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสถานีโทรทัศน์ NBT หรือสถานที่ราชการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ตลอดจนผู้กระทำผิดทำลายทรัพย์สินของทางราชการ 2.ให้ทำการปลดนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพื่อเป็นการแสดงให้สังคมได้รับรู้ว่า รัฐบาลชุดนี้ตั้งใจที่จะสร้างสังคมนิติรัฐ และไม่ได้มีการสนับสนุนให้มีการยึดทำเนียบรัฐบาล และยึดสถานีโทรทัศน์ NBT หรือสถานที่ราชการมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ดังนั้น การปลดรมว.ต่างประเทศ ยังจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ไมตรีอันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกัมพูชา และเป็นการสร้างความมั่นใจ และความมั่นคงในกลุ่มประเทศอาเซียน 3.ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยการนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้ เป็นการแสดงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร และมีความจริงใจต่อประชาธิปไตย

สำหรับการยื่นเรื่อง 3 ข้อ เป็นความเห็นของกลุ่มคนรักลำปาง ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ หากรัฐบาลเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นการยืนยันว่ารัฐบาลได้มีอำนาจมาด้วยแทรกแซงของอำนาจนอกระบบ หรือที่ผ่านมีการสนับสนุนทั้งทางตรง และทางอ้อมต่อกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ในการออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลชุดก่อน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงในนามคนรักลำปาง ได้มีการแจ้งกับทางจังหวัดครั้งนี้ว่า จะมีประชาชนชาวลำปาง ที่จะออกมาเคลื่อนไหวด้วยการรวมตัว เพื่อเดินทางไปร่วมชุมนุมในวันที่ 31 มกราคม 2552 นี้ ที่กรุงเทพฯ โดยจะมีการเดินทางทั้งรถยนต์ส่วนตัว และไปแบบคณะใหญ่ ซึ่งจะมีการขึ้นรถไฟในวันที่ 30 มกราคม เวลา 08.00 น. ที่สถานีรถไฟนครลำปาง

นปช.ชุมนุมใหญ่"แดงทั้งแผ่นดิน"เสาร์นี้ พร้อมเคลื่อนปิดล้อมทำเนียบฯ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 29 ม.ค. ที่บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว คณะผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ร่วมกันแถลงข่าวถึงการคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ว่า การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้จะดำเนินภายใต้ชื่อภารกิจ "แดงทั้งแผ่นดิน" หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "RED IN THE LAND" ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป โดยเนื้อหาในการอภิปรายนอกจากจะเป็นกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้ที่เกี่ยวข้องในการยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินนานาชาติอย่างเฉียบขาดและรวดเร็ว เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีดำเนินปลดนายกษิต ภิรมย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลทั้งหมด และการเรียกร้องให้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาบังคับใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แล้วยังจะมีการเปิดโปงการทุจริตคอรัปชั่นต่างๆของรัฐบาลชุดนี้ให้ประชาชนได้รับทราบ เพราะเพิ่งได้บริหารประเทศไม่ทันไรก็แสดงความหิวโซ แสวงหาผลประโยชน์กันอย่างมูมมาม ทั้งในเรื่องปลากระป๋องไปจนถึงเรื่องเครื่องแบบนักเรียน จากนั้นในเวลา 21.00น. คนเสื้อแดงทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทุกด้าน เพื่อนำข้อเรียกร้องทั้งหมดไปติดขีดเส้นตายให้รัฐบาลปฏิบัติ ส่วนจะมีการชุมนุมปิดล้อมยืดเยื้อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในคืนวันดังกล่าว

ด้านนายจตุพร กล่าวว่า การเดินขบวนไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่เข้ามาอย่างไม่ชอบธรรมและบริหารประเทศ อย่างหิวโหยได้เห็นว่า การยึดทำเนียบอย่างที่กลุ่มพันธมิตรฯกระทำนั้น ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนเสื้อแดง แต่คนเสื้อแดงจะไปอย่างสันติ อหิงสา ไม่มีการบุกเข้าไปในทำเนียบแบบที่พันธมิตรฯทำเด็ดขาด

นายจักรภพ กล่าวว่า การชุมนุมในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการวัดกระแสของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าแผ่วหรือไม่ รวมทั้งเป็นการประเมินกระแสการเรียกร้องให้เวลารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในการบริหารประเทศจุดติดขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนได้รับทราบรายงานว่า มีการส่งทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ประมาณ 400 - 500 นาย ให้ใส่เสื้อสีแดงลงพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ใด ซึ่งคาดว่าอาจจะถูกสั่งให้เข้ามาปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุมในวันชุมนุมใหญ่ แต่เชื่อว่าคนเหล่านั้นคงไม่รอดพ้นจากการจับตาจากคนเสื้อแดงแน่นอน เพราะไม่ใช่แดงอย่างแท้จริง

ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ครม.ได้อนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ.... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ นั้น เป็นการประจานประเทศ เนื่องจากเป็นการทำเพื่อให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้เป็นเครื่องมือตอบข้อซักถามของนานาประเทศ ในการป้องกันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่ให้มีการปิดล้อม หลังมีการปิดสนามบินโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ทั้งนี้ วันชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง วันเสาร์ที่ 31 มกราคมนี้ จะมีการหยิบประเด็นดังกล่าวมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วย

ปลัดกทม.สั่ง4เขตชั้นในรับมือม็อบเสื้อแดง

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. เปิดเผยภายหลังประชุมซักซ้อมแผนปฏิบัติการ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) บริเวณท้องสนามหลวงในวันที่ 31 ม.ค.นี้ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่ชั้นใน ประกอบด้วย เขตพระนคร ป้อมปราบฯ ดุสิตและราชเทวี ดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่โดยเฉพาะสถานที่สำคัญๆ พร้อมทั้งดูแลและอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ โดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.นั้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น หากกลุ่ม นปช.ชุมนุมด้วยความสงบเรียบร้อย และดำเนินไปตามระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ตนมีความเป็นห่วงในส่วนของมือที่สามที่อาจจะเข้ามาสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น

นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวอีกว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่ คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดูแลความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้สำนักเทศกิจ (สนท.) เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความปลอดภัยร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ส่วนจะต้องมีการปิดโรงเรียนสังกัด กทม.ในพื้นที่ชั้นในหรือไม่นั้นขอประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 2 ก.พ.นี้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook