กบง.หวั่นน้ำมันขายปลีกราคาพุ่ง อัดเงินกองทุน4.3พันล้าน ลดส่งเงินเข้า2เดือน ทยอยขึ้น1.50บาทต่อลิตร

กบง.หวั่นน้ำมันขายปลีกราคาพุ่ง อัดเงินกองทุน4.3พันล้าน ลดส่งเงินเข้า2เดือน ทยอยขึ้น1.50บาทต่อลิตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) หวั่นราคาขายปลีกน้ำมันพุ่ง หลังครม.มีมติปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันตั้งแต่ 1 ก.พ. อัดเงินกองทุนน้ำมัน 4.3 พันล้าน ลดเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเป็นเวลา 2 เดือน แล้วทยอยปรับเพิ่มขึ้นครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทลิตร ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกไม่พุ่งขึ้นในทันที นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 29 มกราคมว่า จากมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นดังนี้

- น้ำมันเบนซิน 95 และ 91 เพิ่มขึ้น 1.55 บาทต่อลิตร เป็น 33.74 และ 25.14 บาทต่อลิตร

- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เพิ่มขึ้น 5.28 บาทต่อลิตร เป็น 24.17 และ 23.37 บาทต่อลิตร

- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95และ E20 เพิ่มขึ้น 4.69 บาทต่อลิตร เป็น 2.28 บาทต่อลิตร

- น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B2 เพิ่มขึ้น 3.88 บาทต่อลิตร เป็น 22.22 บาทต่อลิตร

- น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 เพิ่มขึ้น 2.47 บาทต่อลิตร เป็น 19.31 บาทต่อลิตร

นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า การปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ จะกระทบต่อประชาชนค่อนข้างมากในราคาขายปลีกครั้งเดียว ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นหลังการปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอัตราหนึ่ง ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดยกเว้น E85 เพิ่มขึ้นประมาณ 1.55 บาทต่อลิตร และหลังจากนั้น จะทยอยปรับเพิ่มอีกครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตร ซึ่งจะปรับมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อให้อัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลับไปอยู่ในอัตราเดิม โดยจะพิจารณาปรับในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่า จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน และจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯ ประมาณ 4,311 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงตามที่ สนพ. กำหนดจะมีการตรวจสอบปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ำมันและสถานีบริการ เพื่อนำมาเรียกเก็บส่วนเกินของปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงเหลือจากผู้ประกอบการคลังน้ำมันและสถานีบริการนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ต่อไป

นพ.วรรณรัตน์กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินเข้ากองทุนฯของน้ำมันเบนซิน 91 เพิ่มขึ้นเป็น 4 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ในการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์

ทั้งได้เห็นชอบในการกำหนดหลักเกณฑ์ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์95 E85 ใน 3 หลักการ คือ

1.ราคา ณ โรงกลั่น 15% ของราคาเบนซิน 95 บวก 85% ของราคาเอทานอล

2.ให้ค่าการตลาดของ E85 สูงกว่า E10 ประมาณ 1.20 บาทต่อลิตร และ

3.ราคาขายปลีก E85 ต้องต่ำกว่าราคาขายปลีก E10 30%

ทั้งนี้รัฐบาลได้ส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทน ตามนโยบายของประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะยิ่งประชาชนหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ก็จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook