ตั้งผบ.นสศ.เป็นปธ.สอบซ้อมรบผิดเป้า เพิ่มเงินเดือนปลอบขวัญทหารที่เจ็บ สุเทพแจงสภายันอาวุธมีคุณภาพ

ตั้งผบ.นสศ.เป็นปธ.สอบซ้อมรบผิดเป้า เพิ่มเงินเดือนปลอบขวัญทหารที่เจ็บ สุเทพแจงสภายันอาวุธมีคุณภาพ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อนุพงษ์ตั้งผบ.หน่วยสงครามพิเศษ ประธานสอบซ้อมรบผิดเป้า สั่งเพิ่มเงินเดือนปลอบขวัญทหารบาดเจ็บ ผบ.ศูนย์การบินทหารบก เชื่อแรงส่งกระสุนเสื่อมสภาพ พูดเป็นนัยนำกลับมาใช้ได้อีก แต่ต้องเพิ่มแรงอัดดินปืน ให้กระสุนถึงเป้าหมาย สุเทพแจงกระทู้สภา 2 ใน 20 ตกห่างที่หมาย 200 เมตร เผยจรวดผลิตปี 2512 สหรัฐให้พร้อมเฮลิคอปเตอร์ ยังเหลืออีก 8,000 นัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อม พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม เดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 29 มกราคม โดยมี พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) และพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) ให้การต้อนรับ

หลังเสร็จพิธี พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางมาพบปะกับผู้บัญชาการ(ผบ.)เหล่าทัพ มีการพูดคุยกันเรื่องประสิทธิภาพของกำลังพล และขีดความสามารถของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะต้องพัฒนา เรื่องนี้เหล่าทัพมีการดำเนินการอยู่ แต่มีการพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความแน่นเฟ้น ส่วนอุบัติเหตุจากซ้อมรบของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) จ.ลพบุรี ที่เฮลิคอปเตอร์แบบคอบร้า ยิงจรวดพลาดเป้า ทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 19 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมานั้น ทุกเหล่าทัพดูกันอยู่ มีขั้นตอนการดำเนินการ แต่เรื่องของอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณี ทั้งคนและอุปกรณ์ ซึ่งเกิดขึ้นมาโดยตลอด ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพของยุทโธปกรณ์และคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุเกิดจากดินระเบิดเสื่อมสภาพหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงต้องตรวจสอบว่าจริงเท็จอย่างไร เพราะสามารถเกิดขึ้นได้หลายอย่าง เพราะยุทโธปกรณ์มีการพัฒนาและมีระบบ เจ้าหน้าที่แต่ละเหล่าทัพมีขั้นตอนดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ สั่งให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ เป็นประธาน และมีกรมจเรทหารบก ศูนย์การบินทหารบก และกรมสรรพาวุธ เข้าไปร่วมดำเนินการตรวจสอบด้วย

ด้าน พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และรักษาตัวที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล พบุรี พร้อมมอบเงินช่วยเหลือญาติทหารที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการซ้อมรบ ยังนอนรักษาตัวที่ห้องคนไข้รวม 12 นาย ห้องไอซียู 4 นาย และแพทย์อนุญาตให้กลับไปนอนรักษาตัวที่บ้านได้แล้ว 4 นาย

พล.ท.ภุชงค์ กล่าวว่า ผบ.ทบ. สั่งให้ดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด ให้ผู้บังคับบัญชา แม่บ้านทหารบก มาเยี่ยมและดูอาการของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกันนี้จะเพิ่มขั้นเงินเดือนให้แก่กำลังพลที่บาดเจ็บทุกนายด้วย ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อการซ้อมรบหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ตนและกำลังพลทุกนายต่างมั่นใจในอาวุธยุทโธปกรณ์และอากาศยานของกองทัพบกไทย

สาเหตุความผิดพลาดยังไม่ได้สรุป ต้องรอผลการประชุมร่วมระหว่างหน่วย นสศ.และศูนย์การบินทหารบก (ศบบ.) ก่อน จากนั้นจะรายงานให้ทางกองทัพบกทราบ และทางกองทัพบกจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนพล.ท.ภุชงค์ กล่าว

ด้าน พล.ต.พิทยา กระจ่างวงศ์ ผบ.ศบบ. ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำคณะเข้าเยี่ยม พร้อมมอบของขวัญให้เป็นกำลังใจแก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่า น่าจะเกิดจากแรงส่งของลูกกระสุนปืนเสื่อมสภาพ เป็นลูกกระสุนปืนที่เรียกว่า จรวดมาร์ก 40 ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2.75 มม. สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก แต่ต้องเพิ่มแรงอัดดินปืนเข้าไปอีก เพื่อให้ลูกกระสุนถึงเป้าหมายตามต้องการ ซึ่งเหตุการณ์ลูกกระสุนปืนตกไม่ตรงเป้าหมายเคยเกิดมาแล้วเช่นกัน แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เพราะเป็นการฝึกภายในหน่วย ซึ่งใช้กำลังพลไม่มาก เหมือนกับการฝึกในครั้งนี้

ขณะที่นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ว่า ขอถามว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้อาวุธจริง หรือขาดการฝึกซ้อม หรือขาดแคลนงบประมาณจัดซื้ออาวุธ เพราะรัฐบาลไม่จัดสรรงบประมาณกลางปีให้กองทัพ และเรื่องนี้รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร นอกจากนี้ มีการตรวจสอบกระสุนหมดอายุ ที่ทำให้ยิงไม่ถึงเป้าก่อนฝึกซ้อมหรือไม่ พร้อมแนะว่า ควรมีการตรวจสอบกระสุนชุดสุดท้ายก่อนการฝึกเพื่อความปอลดภัยของทหาร

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความ่นคง ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี ว่า การซ้อมรบของ นสศ. ใช้กระสุนจริง ทำให้เหมือนเหตุการณ์จริงทุกประการ การฝึกมี 4 ขั้นตอน ซึ่งเหตุเกิดในขั้นที่ 3 ของกองร้อยจู่โจม โดยมีการยิงสนับสนุนจากเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นการยิงจรวดจำนวน 20 นัด ชุดละ 4 นัด แต่การยิงชุดหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ จรวดไม่ไปถึงที่หมาย โดยไปตกห่างที่หมาย 200 เมตร จำนวน 2 นัด มีนัดหนึ่งไปตกที่กำลังพลที่จะเข้าโจมตีเป้าสมมุติ ทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้นมี 17 นาย ส่วนอีก 2 นาย ได้รับบาดเจ็บจากการโดดร่ม ขณะนี้ทุกคนปลอดภัยแล้ว

จากการตรวจสอบสอบซักถามว่า ทำไมเกิดเหตุ จรวดที่ใช้รุ่นนี้มี 14,000 นัด ใช้แล้ว 6,000 นัด เหลืออีก 8,000นัด ซึ่งไม่เกี่ยวกับงบประมาณไม่พอ และมีอุปกรณ์ทุกอย่างเพียบพร้อม โดย นสศ.ไม่เคยมีปัญหาเรื่องบประมาณ สำหรับจรวดที่ยิงใส่จนเกิดอุบัติเหต ผลิตมานานในปี 2512 ประเทศสหรัฐอเมริกา มอบให้ไทยพร้อมเฮลิคอปเตอร์ใช้ยิงจรวด และตั้งแต่มอบให้มาก็ใช้ได้ดีมาตลอด มีการตรวจสอบสภาพ ความพร้อมอาวุธอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งจรวดทุกลูกได้กำหนดเลขรหัสเอาไว้ ได้รับการตรวจสภาพจากแผนกตรวจซ่อมทำลายของทางกรมสรรพาวุธอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบเมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 พร้อมกำหนดว่า สามารถใช้การได้ ทำให้หน่วยปฎิบัติสามารถเบิกนำไปใช้ได้นายสุเทพ กล่าว และว่า ส่วนที่เหลืออีก 8,000นัด ได้สอบถามพบว่าเมื่อเกิดเหตุ แผนกตรวจสอบซ่อมทำลาย คลังแสง กรมสรรพาวุธ จะสุ่มตรวจสอบจรวดทดลองยิง เพื่อให้มีความมั่นใจว่า จะใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าทางกรมสรรรพาวุธทหารบก มีความระมัดระวังเรื่องคุณภาพอาวุธและเชื่อว่าการตรวจสอบ เชื่อถือได้ กองทัพได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพิเศษ โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธจรวด และเฮลิคอปเตอร์ยิงจรวด หากมีผลคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook