IOMเชื่อศพชายแดนไทยป่วยตาย-แกมเบียรับโรฮีนจา

หัวหน้าทูตองค์การ IOM เชื่อหลุมศพ 139 หลุมพบชายแดนไทย เป็นผู้อพยพป่วยตาย ขณะที่ มาเลเซีย หาผู้เกี่ยวข้องรับผิดหลังพบ139หลุมศพ ด้าน สาธารณรัฐแกมเบียในแอฟริกาตะวันตก ประกาศพร้อมรับผู้อพยพชาวโรฮีนจาทั้งหมด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเจฟฟรีย์ ลาโบฟวิซ์ หัวหน้าคณะทูตองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือ IOM ได้ออกมากล่าวว่า เชื่อว่าหลายหน่วยงานที่พบและกู้ศพขึ้นมาจากหลุมที่พบในมาเลเซีย 139 หลุม เป็นผู้อพยพ แต่ป่วยจนเสียชีวิต และไม่สามารถที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย

โดย ลาโปฟวิซ์ กล่าวว่า แรงงานข้ามชาติที่เสียชีวิตส่วนเป็นโรคที่เรียกว่าโรคเหน็บชา หลังจากที่ถูกคุมขังเป็นเวลาหลายเดือน และปราศจากอาหารในค่ายป่าตามเส้นทางการลักลอบนำเข้าระหว่างไทยและชายแดนมาเลเซีย

ด้านสาธารณรัฐแกมเบีย ประเทศในทวีปแอฟริกาตะวันตก ประกาศว่าพร้อมจะรับผู้อพยพชาวโรฮีนจาทั้งหมดไปดูแล เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เป็นชาวมุสลิมเหมือนกับชาวโรฮีนจา จะรับคนเหล่านี้ไปดูแลทั้งหมด

 

มาเลย์หาผู้เกี่ยวข้องรับผิดหลังพบ139หลุมศพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พล.ต.อ.คาหลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย แถลงถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่พบหลุมศพในพื้นที่เขตแดนของมาเลเซีย จำนวน 139 หลุม แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจนว่ามีศพทั้งหมดจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งหลุมศพดังกล่าวอยู่ใกล้กับปาดังเบซาร์และวังเคอเลียน ทางตอนเหนือของรัฐเปอร์ลิส ติดต่อกับประเทศไทย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบค่ายผู้อพยพของขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่อีก 28 แห่งด้วย ทั้งนี้ ผบ.ตร. มาเลเซีย ประกาศจะหาตัวผู้ทำผิดในเรื่องนี้ให้ได้

ด้าน สื่อมวลชนของมาเลเซียรายงานว่า ศพทั้งหมดเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งเชื่อว่าจะมีศพของชาวโรฮีนจา อยู่หลายร้อยศพ 

นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซะก์ ผู้นำมาเลเซีย ทวีตข้อความแสดงความกังวล หลังจากเจ้าหน้าที่มาเลเซียออกมาเปิดเผยว่า พบหลุมฝังศพในเขตแดนของมาเลเซียติดต่อกับชายแดนไทย เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลจะหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ส่วนที่ทางการมาเลเซีย พบหลุมฝังศพคล้ายหลุมฝังศพชาวโรฮีนจาบนเทือกเขาแก้วของไทย ตำรวจภูธรภาค 9 รอการประสานจากทางการมาเลเซีย เพื่อตำรวจทั้ง 2 ประเทศทำงานร่วมกัน ทั้งนี้ คาดว่า หลุมฝังศพที่พบน่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกับขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทย

 

ผบ.ทัพเรือภาค3เชื่อประชุม29พค.ชัดแก้ปมโรฮีนจา

พล.ร.ท.สายันต์ ประสงค์สำเร็จ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ผบ.ทรภ.3) เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ในวันที่ 29 พ.ค. นี้ ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการหารือกันในระดับนโยบายที่มีกระทรวงต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ ซึ่งในส่วนของกองทัพเรือภาคที่ 3 นั้นอยู่ในฝ่ายปฏิบัติงาน ที่พร้อมจะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ซึ่งการประชุมในครั้งนี้น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของความร่วมมือมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมในการแก้ไขปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ที่นำชาวโรฮีนจาหลบหนีเข้าเมืองผ่านทางทะเลอันดามัน อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพเรือภาคที่ 3 ยังคงปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามน่านน้ำที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมายืนยันได้ว่าทางทหารไทยปฏิบัติต่อชาวโรฮีนจาตามหลักมนุษย์ธรรมทุกประการ ทุกครั้งที่ออกมาปฏิบัติงานจะมีการบันทึกภาพไว้อย่างชัดเจน

UNขอบคุณพม่าช่วยโรฮีนจา-รบ.ลุยค้นหา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายวิเจย์ นัมเบียร์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านเมียนมาของ นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวระหว่างเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนมุสลิมและได้พบกับบรรดาผู้นำชุมชนในเมียนมา โดยกล่าวขอบคุณรัฐบาลเมียนมาในการกู้ภัยเรือผู้อพยพเมื่อสัปดาห์ก่อน พร้อมกล่าวว่า ชุมชนชาวมุสลิมต้องรู้สึกว่าตัวเองสามารถทำงานให้กับประเทศได้ และชุมชนในรัฐยะไข่ก็ควรให้ชุมชนชาวมุสลิมได้ร่วมทำงานเพื่ออนาคตของรัฐยะไข่

นายนัมเบียร์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนหนึ่งของการอพยพก็มาจากการปฏิบัติของชุมชนชาวมุสลิมในรัฐยะไข่ รวมถึงการเลือกปฏิบัติที่มีต่อชาวโรฮีนจาด้วย ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการในเรื่องนี้พร้อมให้คำมั่นว่ายูเอ็นจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ขณะที่ นายวิน หมิ่น รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการอพยพเข้าเมืองและประชากรของเมียนมา กล่าวว่า กองทัพเรือและกองทัพอากาศของเมียรมาจะเดินหน้าปฏิบัติการณ์กู้ภัยและค้นหาต่อไป โดยจะดำเนินการช่วยเหลือประชาชนโดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะมาจากประเทศใด รวมถึงนับถือศาสนาหรือเป็นชนกลุ่มน้อยใดก็ตาม