EUจี้ไทยสอบ139หลุมศพโรฮีนจา-มาเลย์ยันเป็นค้ามนุษย์

รัฐสภายุโรป มีมติเรียกร้องให้ทางการไทย เข้าตรวจสอบ หลังมีการค้นพบ 139 หลุมศพฝังอยู่ใกล้กับค่ายที่พักการค้ามนุษย์บริเวณชายแดนภาคใต้ของไทย ด้าน มาเลย์ ยัน ศพเป็นโรฮินจาจากพม่า-บังกลาเทศ

เว็บไซต์ทางการของ รัฐสภายุโรป รายงานว่า สมาชิกรัฐสภายุโรป มีมติเรียกร้องให้ ทางการไทย เข้าตรวจสอบ หลังจากที่มีการพบหลุมฝังศพ 139 หลุมในป่าประเทศ มาเลเซีย ที่ใกล้กับชายแดนไทย โดยท่าทีของรัฐสภายุโรป ล่าสุดออกมาจากก่อนหน้านี้ ที่รัฐสภายุโรป ได้ออกมาเรียกร้อง ให้ผู้นำอินโดนีเซีย, มาเลเซียและไทย  ให้ที่พักพิงชั่วคราวผู้ลี้ภัยชาวโรฮินจา โดย เฌอโรน เลอแนร์ รองประธานของคณะผู้แทนรัฐสภายุโรป สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาเซียน กล่าวว่า ขณะนี้สหภาพยุโรป มีความยายามอย่างเต็มที่จะจัดการแก้ไขกับวิกฤตผู้ลี้ภัยที่ชายแดนภาคใต้ของไทย ซึ่งเป็นอีกวิกฤตด้านมนุษยธรรม ที่ถูกแพร่กระจายออกทั่วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยระบุว่าวิกฤตินี้จะต้องได้รับการแก้ไขให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และตนเองมีความยินดีที่จะเห็นว่ารัฐบาลของมาเลเซียและอินโดนีเซียรับผิดชอบต่อสถานการณ์ และนำเสนอที่อยู่อาศัย อาหารน้ำและสถานะลี้ภัยชั่วคราวของผู้ลี้ภัย

ทั้งนี้ ตนยินดีสำหรับการประชุมที่จัดขึ้นในกรุงเทพ วันที่ 29 พฤษภาคม นี้ และสหภาพยุโรปยืนยันว่าทุกประเทศในภูมิภาครวมทั้ง เมียนมาร์และบังคลาเทศมีส่วนร่วมในการประชุมครั้งนี้ในขณะเดียวกันรัฐสภายุโรป เรียกร้องให้รัฐบาล เมียนมา จัดการปัญหาให้หมดสิ้นทันทีทั้งการล่วงละเมิดและการข่มขู่ชาวโรฮินจาในประเทศตนเองและการแก้ปัญหาของสถานภาพทางกฎหมายของพวกเขา

 

มาเลย์ยัน139หลุมศพเป็นโรฮินจาจากพม่า-บังกลาเทศ

สำนักข่าวเบอร์นามา รายงานว่า ทีมนิติเวชจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย หลังจากที่ได้นำร่างผู้เสียชีวิตที่พบในหลุมศพ 139 แห่งขึ้นมา พร้อมเก็บหลักฐานจากค่ายที่พัก จำนวน 28 แห่ง โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ยืนยันว่าหลุมศพและค่ายที่พักทั้งหมดเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ รวมทั้งเชื่อว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้อพยพชาวโรฮินจาจากเมียนมาและบังกลาเทศ

จากการตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้น เชื่อว่าค่ายที่พักดังกล่าวสร้างขึ้นเมื่อปี 2556 และมีค่ายที่พัก 2 แห่งถูกปล่อยทิ้งร้างในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ทางการไทยดำเนินมาตรการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ตำรวจมาเลเซียยังพบหลักฐานว่ามีการทารุณกรรมผู้อพยพด้วย 

ขณะที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้รายงานเรื่องขบวนการค้ามนุษย์ได้จับผู้อพยพไว้ในค่ายที่พักเพื่อเรียกค่าไถ่จากครอบครัว โดยเรียกเงินประมาณคนละ 40,000-60,000 บาท หากไม่ได้รับเงินค่าไถ่ก็จะฆ่าผู้อพยพ 

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ยังไม่สามารถระบุได้ ด้านโฆษกตำรวจ กล่าวว่า เตรียมจะส่งชิ้นส่วนเหล่านี้ให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเร่งตรวจพิสูจน์ให้ชัดเจนอีกครั้ง 

 

พระสงฆ์พม่าประท้วงต้านนานาชาติช่วยโรฮินจา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พระสงฆ์นักเคลื่อนไหวของเมียนมาร์กล่าวว่า การเดินขบวนจะจัดขึ้นในวันนี้ ในกรุงย่างกุ้ง โดยจะจัดขึ้นเพื่อเป็นการตอบโต้เสียงเรียกร้องให้เมียนมาจัดหาความช่วยเหลือให้แก่ผู้อพยพชาวโรฮินจาและเรียกร้องให้แก้ปัญหาที่ต้นตอ โดยพระสงฆ์เมียนมาร์รูปหนึ่งกล่าวว่า จะจัดการเดินขบวนเพื่อประท้วงบางประเทศที่พยายามกดดันเมียนมาให้รับผู้อพยพไว้ ทำราวกับว่าผู้อพยพเหล่านี้มาจากเมียนมาทั้ง ๆ ที่พวกคนเหล่านี้เป็นผู้อพยพมาจากบังกลาเทศ

 

ทร.เผยพร้อมช่วยชาวโรฮีนจายึดหลักมนุษยธรรม

พลเรือโทจุมพล ลุมพิกานนท์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายและการอพยพของชาวโรฮีนจาว่า ขณะนี้ ทางกองทัพเรือ ได้มีการจัดตั้งฐานลอยน้ำเพื่อให้การช่วยเหลือ โดยใช้เรือหลวงอ่างทอง เป็นฐานลอยน้ำอยู่ที่ทัพเรือภาค 3 และมีการประกอบกำลังเรือรบอีก 7 ลำ ประกอบด้วย เรือหลวงสายบุรี เรือหลวงทยานชล เรือหลวงมันกลาง เรือต.993 เรือ ต.220 เรือประมงดัดแปลง และเรือ กร.304 รวมถึงยังมีเฮลิคอปเตอร์ อีก 1 ลำ และเครื่องบินดอร์เนีย 1 ลำ ซึ่งได้เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา และในวันที่ 29 พ.ค.นี้ จะมีทีมแพทย์จากส่วนกลางลงไปร่วมในฐานลอยน้ำด้วย

ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงนี้เป็นเดือนสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่ช่วงมรสุม จากข้อมูลที่ได้รับจะมีการอพยพของชาวบังกลาเทศ หรือชาวโรฮีนจา ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้จนกว่าจะพบเจอซึ่งหากพบมีการเข้ามาก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ยึดหลักมนุษยธรรมเป็นหลัก ส่วนการผลักดันออกไปนอกน่านน้ำนั้นเป็นการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของผู้อพยพที่จะเดินทางต่อไป เพราะจุดหมายปลายทางไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย ส่วนหากจะเข้ามาในประเทศไทย ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารมีความพร้อมในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่

 

มาเลย์ชี้ปัญหาโรฮีนจาไม่ใช่ของอาเซียนฝ่ายเดียว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ผู้นำของมาเลเซีย กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ผู้นำญี่ปุ่น หลังการหารือระดับทวิภาคีร่วมกันที่กรุงโตเกียว ว่า ปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจา เป็นปัญหาของนานาประเทศไม่ใช่ปัญหาของอาเซียนเพียงฝ่ายเดียว เพราะมาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้าน พยายามช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาของอาเซียน แต่ปัญหาโรฮีนจา ก็ถือเป็นปัญหาระหว่างประเทศที่จำเป็นต้องแก้ไขในระดับนานาชาติด้วย โดย ผู้นำมาเลเซีย กล่าวว่า เขาได้ถือโอกาสสรุปให้ นายอาเบะ ทราบถึงความท้าทายล่าสุดที่มาเลเซียและอาเซียนกำลังเผชิญอยู่และยินดีหากญี่ปุ่นจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นได้

ด้าน นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ยินดีต่อความพยายามของมาเลเซียในการบรรลุข้อตกลงกับอินโดนีเซีย ในการให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้อพยพ เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินกระบวนการตั้งรกรากใหม่และการส่งกลับภายในเวลา 1 ปี โดยผู้นำทั้ง 2 ยังออกแถลงการณ์ร่วมกันหลังการหารือ ซึ่งมีการรับทราบถึงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายในประเด็นของชาวโรฮีนจาด้วย

 

รองผบ.ตร.ยันประสานมาเลย์ร่วมตามคดีโรฮีนจาต่อเนื่อง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ถึงความคืบหน้า การค้ามนุษย์โรฮีนจา โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ร่วมคณะกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย เพื่อพูดคุยด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าอาจจะมีการหารือเรื่องการค้ามนุษย์โรฮีนจา เพราะอินโดนีเซีย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว

ส่วนในเรื่องของคดีความ ล่าสุด มีการออกหมายจับแล้ว 77 หมายจับ และคาดว่า โกโต้ง เป็นผู้ต้องหาตัวการใหญ่ที่สุด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังเร่งขยายผลต่อ เชื่อยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก และหากเกี่ยวโยงใครเตรียมขอหมายจับต่อไป

ส่วนประเด็นการพบหลุมศพชาวโรฮีนจา ที่ประเทศมาเลเซีย 139 หลุม พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ได้ประสานไปยังตำรวจประเทศมาเลเซีย เพื่อติดตามและพูดคุยหารือกันเสมอ พร้อมยืนยันว่า ทางมาเลเซียให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี