มือสังหารนศ.สาวเกษมบัณฑิต สารภาพฆ่าเพื่อต้องการปิดปาก
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า จนท.จับกุมนายประภาสที่อาพเม้นท์เดียวกัน ห้องเลขที่ 408 ซึ่งนายประภาสได้พักอาศัยกับภรรยาและบุตรชาย 1 คน และยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่นN 95 สีดำ 1 เครื่อง ซิมการ์ดระบบ AIS 1 ซิม โทรศัพท์ระบบฮัทช์ 1 เครื่อง และนามบัตรระบุชื่อนายประภาส 1 ใบ พร้อมโทรศัพท์มือถือโนเกียรุ่น N72 สีน้ำเงิน-ม่วง ซึ่งเป็นของผู้ตาย(เดิมเป็นสีชมพู )ผู้ต้องหานำไปเปลี่ยนหน้ากากใหม่ พบเสื้อโปโลแขนยาวสีน้ำตาลแถบดำยี่ห้อแม็ก 1 ตัว กางเกงยีนสีน้ำเงินขายาว 1 ตัว ถุงเท้าสีดำ-เทา 1 คู่ กางเกงในสีดำ 1 ตัว ซึ่งทั้งหมดเป็นเครื่องแต่งกายที่ใช้ในวันก่อเหตุ
นายประภาส ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และอ้างว่าแอบหลงรักนส.ศศิวิมลมานาน แต่ไม่มีโอกาสได้พูดคุย แค่ทักทายเพียงเล็กน้อย ในวันเกิดเหตุเป็นวันศุกร์ที่ 16 ม.ค.ตนออกไปทำงานที่ธนาคารตามปกติ 08.30 น.จากนั้นตอนพักเที่ยงได้ย้อนกลับมาที่เกิดเหตุ ก่อนจะโทรไปหาผู้ตายพร้อมถามว่าอยู่ที่ห้องหรือไม่จะขึ้นไปหาที่ห้อง เมื่อตนขึ้นไปจึงใช้มือบีบคอและบังคับข่มขืนสำเร็จความใคร่ ทำให้ผู้ตายหมดสติ ตนกลัวความผิดว่าผู้ตายจะแจ้งความ จึงใช้อาวุธมีดที่อยู่หลังห้องผู้ตายมาปาดคอจนเสียชีวิตแล้วนำมีดที่ใช้ก่อเหตุไปทำความสะอาดและเก็บไว้ที่เดิม ก่อนเอาทรัพย์สินผู้ตายไปด้วย คือ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องและสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ 1 เส้น
หลังจากผมลงมือฆ่า ผมนำเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดไปซักที่ห้องของผม และเก็บไว้ ผมได้หยิบทรัพย์สินของน้องหนิงไป เพื่อเบี่ยงประเด็นเป็นอย่างอื่น ส่วนสร้อยคอผมให้เพื่อนชื่อนายธนดล คัชมาตย์ อายุ 32 ปี ซึ่งทำงานธนาคารเดียวกัน แต่นายธนดลเป็นพนักงานส่งเอกสาร ผมได้บอกว่า ช่วยนำสร้อยไปขายให้หน่อยของแฟน จากนั้นนายธนดลก็นำสร้อยไปขายได้เงินมา 6,051 บาท นายธนดลค่าเสียเวลาไป 900 บาท ส่วนที่เหลือผมเก็บไว้ จากนั้นผมเดินทางไปดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ช่วงวันหยุด เสาร์อาทิตย์ วันที่ 17-18 ระหว่างนั้นผมคิดถึงน้องหนิงตลอด และทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้น้องหนิง เพราะหลังจากผมก่อเหตุผมรู้สึกเสียใจ ผมขอยอมรับผิดทุกอย่างในสิ่งที่ทำไป หลังจากกลับมาจากสุพรรณฯ ผมก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติและได้ไปทำงานที่ธนาคารเหมือนเดิม กระทั่งถูก จนท.ตร.มาจับกุมได้ นายประภาส กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สมบัติ กล่าวว่า ผู้ตายกับนายประภาสรู้จักกันมากว่า 1 ปี เนื่องจากนายประภาสรู้จักกับเพื่อนผู้ตาย ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ผู้ตายเจ็บป่วย เพื่อนผู้ตายก็บอกให้นายประภาสช่วยนำส่ง รพ. จึงทำให้รู้จักกัน ส่วนนายประภาสแอบหลงรักผู้ตายแต่ผู้ตายไม่เล่นด้วย เนื่องจากผู้ตายมีแฟนอยู่แล้วและรู้ด้วยว่านายประภาสมีครอบครัวแล้ว โดยก่อนหน้านี้จนท.ไม่คาดคิดว่าจะเป็นนายประภาสเนื่องจากนายประ ภาส ทำตัวปกติใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จนท.ได้ตรวจจาก โทรศัพท์มือถือก็พบเบอร์ผู้ตาย และเบอร์เพื่อนผู้ตายโทรเข้าหาหลายครั้ง จึงเริ่มแกะรอยจากหมายเลขโทรศัพท์ กระทั่งทราบตัวผู้ต้องสงสัย ก็นำตัวมาสอบปากคำอยู่นานในที่สุดก็ยอมรับสารภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากจนท.จับกุมผู้ต้องหา ได้แล้วนั้นก็มีเพื่อนหญิงของผู้ตาย 6 คน พร้อมด้วยแฟนหนุ่มและเพื่อนอีก 3 คน มาดูหน้าผู้ต้องหาระหว่างแถลงผลการจับกุม ต่างพากันด่าทอ นายประภาสต่างๆนาๆ โดยทุกคนมีสีหน้าโกรธแค้น พร้อมบอกว่า จนท.ตร.จบ แต่พวกตนไม่จบแน่ๆ ทำให้ จนท.ตร.ต้องกันตัวผู้ต้องหา ไปไว้ในที่ปลอดภัยเพื่อกันไม่ให้เกิดการรุมประชาทัณ หลังแถลงข่าวเสร็จ จนท.ก็จะพาไป ร.พ.จุฬาฯ เพื่อตรวจ ดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบกับคราบอสุจิที่พบในผู้ตาย ก่อนที่จะพาไปทำแผน ณ.จุดเกิดเหตุต่อไป
โรฮิงญา ถูกทหารพม่าทารุณ! เหรียญอีกด้านที่สื่อนอกละเลย
การเปิดประเด็น ทหารเรือไทย ทารุณกรรมผู้อพยพชาวโรฮิงญา ก่อนจะตามมารุมถล่มอีกชุดใหญ่จากสื่อหัวใหญ่ๆ ทั่วโลก ล่าสุดก็เป็นซีเอ็นเอ็นที่ย้ำหัวตะปูด้วยภาพที่อ้างว่า ทหารเรือไทยชักลากเรือผู้อพยพออกไปลอยเท้งเต้งกลางทะเล