มานิจ ยัน แขวนมาตรา50ไว้ก่อน
'มานิจ สุขสมจิตร' ยัน แขวนมาตรา 50 ไว้ก่อน รอศึกษาก่อนปรับแก้ เผย กรรมาธิการส่วนใหญ่ หวั่น การสื่อสารกระทบความมั่นคง นำข้อเสนอ 'สปช.ประสาร' พิจารณาก่อนปรับแก้มาตรา 51
การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ ประธานการประชุม โดยได้เปิดเผยถึงการประชุมเมื่อช่วงวานนี้ว่า ได้แขวนมาตรา 50 เรื่องการเป็นเจ้าของการประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ใช้คลื่นความถี่ ต้องเป็นพลเมือง ซึ่งอาจขัดต่อแนวทางของอาเซียน ที่จะเปิดเสรีให้ต่างชาติสามารถเข้ามาถือหุ้นกิจการโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ ตามสาระสำคัญของข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการ ชุดที่ 8 ที่ประชุมจึงมีมติให้แขวนไว้ก่อน เพราะคณะกรรมาธิการส่วนใหญ่ เห็นว่า เรื่องสื่อสารมวลชนของประเทศ เป็นเรื่องของความมั่นคง จึงไม่ควรให้ต่างชาติเข้ามาถือครอง หรือเป็นเจ้าของสื่อ และสื่อของประเทศไทย ก็ต้องให้คนไทยเป็นเจ้าของ
ขณะที่ คณะกรรมาธิการบางส่วน มองว่ามีข้อตกลงทางอาเซียนเกี่ยวกับเรื่องสื่อ จึงให้คณะกรรมาธิการ นำเรื่องนี้ไปศึกษาก่อนกลับมาหารือกันอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรของชาติ
กมธ.ยกร่างฯ นำข้อเสนอ "สปช.ประสาร " พิจารณาก่อนปรับแก้ ม.51
การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณาปรับแก้รายมาตราโดยเริ่มในมาตรา 51 เกี่ยวกับเสรีภาพของพลเมืองด้านต่างๆ โดยเฉพาะในมาตรา 53 เกี่ยวกับเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งในมาตรานี้ ไม่ได้มีคำขอแก้ไขเพิ่มเติมหลักการ แต่ขอปรับแก้ในถ้อยคำ และแม้ว่าประเด็นเรื่องสิทธิของการเข้าร่วมชุมนุมจะเป็นประเด็นใหญ่ที่มีการจับตา แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถพิจารณาได้ โดยไม่มีการแขวนประเด็นใดอีก ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่การพิจารณาในมาตรา 51 ที่ประชุมได้พิจารณาคำขอของกลุ่ม นายประสาร มฤคพิทักษ์ ที่ขอให้เพิ่มเติมมาตรา 50/1 ว่าด้วย ปิโตรเลียมเป็นทรัพยากรของปวงชนชาวไทย เพื่อประโยชน์สาธารณะให้มีบริษัทพลังงานแห่งชาติที่เป็นองค์กรของรัฐทำหน้าที่บริหารจัดการและดูแลสิทธิในทรัพยากรปิโตรเลียมแทนปวงชนชาวไทย โดยการให้สิทธิการสำรวจและการผลิตให้ใช้ระบบการประมูลผลประโยชน์สูงสุดของชาติเป็นสำคัญ จะให้เอกชนมาดำเนินการมิได้ ซึ่งในคำขอระบุว่า เป็นมาตรา 50/1 จึงต้องนำมา
พิจารณาก่อน