บช.น.ถกติดตามคดียิงเสี่ยสมยศดับยังไม่ตัดปมใดทิ้ง

บช.น.ถกติดตามคดียิงเสี่ยสมยศดับยังไม่ตัดปมใดทิ้ง

บช.น.ถกติดตามคดียิงเสี่ยสมยศดับยังไม่ตัดปมใดทิ้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมติดตามเร่งรัดคดีลอบยิง เสี่ยสมยศ เจ้าของคาเฟ่พระราม 9 ยันคดีคืบหน้ามาก ยังไม่ตัดปมใดทิ้ง คาดผู้ตายรู้ตัวเร่งออกภาพสเกตช์คนร้าย

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของคาเฟ่ชื่อดังย่านพระราม 9 เสียชีวิต บริเวณถนนพัฒนาการ เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยมีการแบ่งชุดการทำงานตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ สำหรับข้อมูลที่ได้มาทั้งจากพยานบุคลและพยานหลักฐานจากเอกสาร กล้องวงจรปิด ที่จับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุได้ชัดเจน รวมถึงหลักฐานจากการตรวจ ทรัพย์สิน ความขัดแย้งต่างๆ ทางธุรกิจ และครอบครัวที่ได้มาถือว่ามีประโยชน์ทำให้สำนวนคดีคืบหน้าไปมาก

 

รองผบ.ตร.เผยยิงสมยศดับยังไม่ตัดปมใดทิ้ง

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคนร้ายก่อเหตุยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของพระรามเก้าคาเฟ่ เสียชีวิต ภายในลานจอดรถร้านอาหาร เฮงหูฉลาม ที่ตั้งเลขที่ 115 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า จากการสอบถามภรรยา ระบุว่าก่อนเหตุได้เดินทางไปถึงที่โรงพยาบาลหัวหมาก เวลา 15.00 น. เพื่อตรวจร่างกายโดยใช้เวลาประมาณ 3 ช.ม. ก่อนออกเดินทางมารับประทานอาหารที่ร้านเฮงหูฉลาม ในรอบ 5 เดือน โดยไม่มีใครรู้กำหนดการในการเดินทาง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังตั้งประเด็นการสังหารหลักไว้ 3 ประเด็นเช่นเดิม นอกจากยังมีประเด็นความขัดเเย้งในครอบครัว และประเด็นเงินประกันชีวิตที่ผู้ตายทำไว้ซึ่งหลังจากนี้จะตรวจสอบว่าใครได้รับผลประโยชน์

ด้าน พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 กล่าวว่า ผู้ตายน่าจะรู้ตัวว่าถูกปองร้าย จึงพยายามระวังตัวโดยการเลื่อนนัดการพบแพทย์หลายครั้ง และจดรายละเอียดต่างๆ ไว้ที่บ้านพัก ซึ่งเป็นข้อมูลอย่างดีในการสืบสวน ขณะที่ผลตรวจพิสูจน์ศพ และขนาดกระสุนปืน ต้องผลทางนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจจึงจะทราบแน่ชัดว่าเป็นกระสุนชนิดใด

หลังจากสเกตช์ภาพคนร้ายแล้วเสร็จทางพนักงานสอบสวนจะขออนุญาตศาลอนุมัติออกหมายจับคนร้ายตามสเก็ตช์ ซึ่งหลังจากนี้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนในการหาตัวคนร้าย ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนต่อไป

 

รองผบ.ตร.ส่งทีมสืบ2ชุดคลี่คดียิงสมยศดับแล้ว

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าคนร้ายก่อเหตุยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของพระรามเก้าคาเฟ่ เสียชีวิต ภายในลานจอดรถร้านอาหาร เฮงหูฉลาม ที่ตั้งเลขที่ 115 ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า

ขณะนี้คณะทำงานได้แบ่งชุดทำงานออกเป็น 2 ชุดทำงาน คือ ชุดสืบสวนและชุดสอบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายซึ่งได้ลงพื้นที่ตั้งแต่ช่วงดึกของวันเกิดเหตุ ซึ่งจากการสอบพยานซึ่งเป็น รปภ.ของร้านอาหาร ที่เกิดเหตุซึ่งเห็นใบหน้าคนร้ายเป็นชาย 2 คน อายุราว 30 ปี ผิวดำแดง ความสูงประมาณ 160-170 ซม. สำหรับมือปืนพบว่าสวมใส่หมวกแก๊บ และคนขับรถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ

ขณะเดียวกันทางชุดสืบสวนได้ไล่ตรวจกล้องวงจรปิดตลอดเส้น พบว่า มี 2 จุด คือ อาคารวิริยะประกันภัย และธนาคารออมสิน ซึ่งมีรัศมีห่างจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร สามารถจับภาพคนร้ายได้

 

รองผบ.ตร.สอบปากคำพยานคดีสังหารสมยศ

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เชิญตัว นางก้อย (นามสมมติ) คนสนิท นายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ที่ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อคืนที่ผ่านมา มาสอบสวน ที่ สน.คลองตัน โดย นางก้อย ให้ข้อมูลว่า ตนเองรู้จักกับ นายสมยศ และนับถือกันแบบพี่น้อง ที่ผ่านมาจะทำธุรกิจร่วมกัน ทั้งนายหน้า และคนเคลียร์คดีความต่างๆ ให้ และชอบชักชวนกันไปเล่นไพ่อยู่บ่อยครั้ง และเมื่อปีที่แล้ว ตนเองได้รู้จักกับ นายเล็ก และคบหากันจนถึงขั้นจดทะเบียนและอยู่ด้วยกัน โดย นายเล็ก เป็นคนชอบเล่นไพ่เหมือนกัน และมีความสามารถในการทำไพ่ โกงไพ่

จากนั้น นางก้อย ได้ชักชวน นายสมยศ และภรรยา รวมทั้ง นายเล็ก ไปเล่นไพ่กันที่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดย นายสมยศ และภรรยา เสียไพ่ไปรวม 4 ล้านบาท จึงรู้ทันทีว่า ถูกโกง แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร และเก็บความโกรธแค้นไว้ในใจ สมยศ ได้พูดกับ นางก้อย ว่า ไม่ยอมให้ นายเล็ก โกง

เมื่อเวลาผ่านมา ก็มีการทวงถามเงินจาก นางก้อย แต่ นางก้อย ก็ได้เลิกกับ นายเล็ก ไปแล้วเพราะมารู้ในภายหลังว่า นายเล็กนั้นมีครอบครัวอยู่แล้ว ประกอบกับ นางก้อย รับเคลียร์คดีให้กับ สมยศ 11 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้นำเงินไปใช้หนี้ กลับเอาไปเล่นการพนันจนหมด

สมยศ จึงต้องการทวงเงินจาก นายเล็ก จึงบอกกับ นางก้อย ว่า จะให้เสธ.คนหนึ่ง ไปอุ้ม นายเล็ก โดย เสธ.คนดังกล่าว ได้มีการนัดหมายกับ นายเล็ก ให้มาพูดคุยกันจน นายเล็ก ยอมโอนที่ดินที่ จ.ชุมพร จำนวน 2 แปลง ให้แล้ว และให้ นางก้อย นำมาให้กับ นายสมยศ ยึดไว้แทนหนี้


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook