กมธ.ยกร่างรับหลักการม.63/1พิจารณาไปแล้ว63มาตรา

กรรมาธิการยกร่างฯ รับหลักการมาตรา 63/1 เรื่องสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ไว้พิจารณา ขณะล่าสุด ปรับแก้ไป 63 มาตราแล้ว จับตามาตรา 65 พลเมือง มีสิทธิตัดสินใจนโยบายสาธารณะ มีหลายฝ่ายเสนอทบทวน

นางสาวสุภัทรา นาคะผิว โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า ขณะนี้พิจารณาไปได้แล้ว 63 มาตรา วันนี้จะพิจารณาต่อในมาตรา 64 โดยเมื่อวานนี้ มีการปรับแก้ถ้อยคำในบางมาตรา มาตรา 53 เสรีภาพในการชุมนุม ที่ว่า "การจำกัดเสรีภาพจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะกรณีการชุมนุมในที่สาธารณะและเพียงเท่าที่จำเป็น โดยตัดคำว่า "ในที่" ออก เป็น เฉพาะกรณีการชุมนุมสาธารณะและเพียงเท่าที่จำเป็น ซึ่งจะให้ความหมายที่กว้างกว่าเดิม และมาตรา 59 สิทธิการเข้าถึงและได้รับบริการสาธารณะของรัฐ ที่มีการเพิ่มถ้อยคำว่า ต้องปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และทันสมัยอยู่เสมอ อย่างเช่น รถเมล์เก่า รถตู้ ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง นอกจากนี้ ยังมีมาตราที่แขวนไว้ คือ มาตรา 60 และมาตรา 62

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้พิจารณารับหลักการมาตรา 63/1 เรื่องสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน เช่น ป่าสงวน ที่สาธารณะ ต้องไม่นำมาเป็นสมบัติส่วนตัว ซึ่งเป็นข้อเสนอของกลุ่ม นายประสาร มฤคพิทักษ์ แต่ทั้งนี้ยังไม่สรุปว่าจะนำไปบัญญัติไว้ในส่วนใด

 

จับตา กมธ.ยกร่างเสนอทบทวน ม.65

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาปรับแก้รายมาตรา วันนี้ น่าจับตาในส่วนที่ 3 การมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยเฉพาะมาตรา 65 ว่าด้วยพลเมืองย่อมมีสิทธิรับรู้และแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการจัดทำและตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ ทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่นนั้น มีหลายฝ่ายเสนอให้ทบทวน เนื่องจากประชาชนมีอำนาจมากเกินไปในการตัดสินการบริหารราชการท้องถิ่นและระดับชาติ ทั้งนี้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างฯ ก็เคยยอมรับว่า การให้อำนาจประชาชนในการตัดสินใจ จะทำให้การบริหารงานล่าช้า เพราะต้องผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมจองประชาชนก่อน แต่ทั้งนี้จะทำให้ปัญหาการทุจริต และผลกระทบที่มีต่อประชาชนลดลง เพราะประชาชนสามารถตรวจสอบได้