นายกฯยันไม่ใช้ม.44นิรโทษ14นศ.จ่อหาเวทีคุย

นายกรัฐมนตรี ย้ำ รัฐบาลไม่ต้องการอยู่ต่อและยังคงเดินตามโรดแมป ยัน ไม่ใช้มาตรา 44 นิรโทษ 14 นักศึกษา จ่อศึกษามาตรการเปิดพื้นที่พูดคุย ขณะ ยังไม่ย้ายปลัด สธ.

คณะเยาวชนไทยและผู้ปกครองในโครงการเยาวชนไทยในออสเตรเลียคืนแผ่นดินแม่ จำนวน 45 คน เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่คณะเดินทางมาประเทศไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับและกล่าวว่า ยินดีที่เยาวชนและผู้ปกครองสายเลือดไทยกลับจากต่างประเทศมาเยือนบ้าน โดยระบุว่า ต้องภูมิใจในความเป็นไทยและออสเตรเลีย และต้องเป็นคนดี ฉลาดและเก่ง ขณะเดียวกันประเทศไทยมีทั้งศาสนา ภาษา วัฒนธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเบ้าหลอมให้คนไทยมีความละเอียดอ่อน แม้จะมีความขัดแย้งไปบ้าง

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นที่ทำให้ประเทศพัฒนาทัดเทียมต่างประเทศ และขอโทษที่ต้องเข้ามายืนตรงนี้ โดยยืนยันว่าเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของประเทศกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะนำเอาวิกฤตมาเป็นโอกาส เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ประเทศไทยอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานซึ่งต้องไม่ลืมประวัติตัวเอง โดยขอให้นำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไปเผยแพร่ต่อในเวทีต่างประเทศ ต้องมีความพอประมาณในการดำรงชีวิต มีภูมิคุ้มกันที่เหมาะสม ส่วนค่านิยม 12 ประการนั้น ตนไม่บังคับจะทำหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

นอกจากนี้  พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ว่า ขณะนี้กำลังศึกษา
เพื่อหามาตรการทำให้ปัญหาดังกล่าวยุติลง ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาเปิดพื้นที่พูดคุยกับนักศึกษา เพราะตนไม่สบายใจที่จะบังคับใช้กฎหมาย แต่ต้องดูว่าการแสดงออกของนักศึกษามีเจตนาอย่างไร หรือมีการเมืองหนุนหลังหรือไม่ ส่วนข้อเสนอให้มีการใช้มาตรา 44 นิรโทษกรรมกลุ่มนักศึกษา 14 คน ที่จับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น ยืนยันว่า ไม่สามารถทำได้ หากทำก็จะมีการนิรโทษกรรมบุคคลอื่นอีก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลในหลายมิติ

 

นายกฯ ยันยังไม่ย้าย ปลัด สธ.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการโยกย้าย นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ กลับไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขตามเดิม ว่า ขณะนี้ตนได้ลงนามรับทราบรายงาน เพื่อมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ไปตรวจสอบรายละเอียดและข้อกฎหมายอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่ากรณีนี้มีความซับซ้อน แต่ยืนยันยังไม่ได้เป็นการลงนามโยกย้ายแต่อย่างใด เพราะการดำเนินการต้องมีความรอบคอบ เนื่องจากขณะนี้ยังมีปัญหาภายในของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ด้วย ทั้งเรื่องความขัดแย้งภายในและการจัดสรรงบประมาณ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลักประกันของประชาชน แต่ใช้ในนโยบายประชานิยม 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งประเทศไทยไม่มีความพร้อมมากพอที่จะทำได้ และไม่มีประเทศใดนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้