โรฮิงญา ถูกทหารพม่าทารุณ! เหรียญอีกด้านที่สื่อนอกละเลย

โรฮิงญา ถูกทหารพม่าทารุณ! เหรียญอีกด้านที่สื่อนอกละเลย

โรฮิงญา ถูกทหารพม่าทารุณ! เหรียญอีกด้านที่สื่อนอกละเลย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

การเปิดประเด็น ทหารเรือไทย ทารุณกรรมผู้อพยพชาวโรฮิงญา ก่อนจะตามมารุมถล่มอีกชุดใหญ่จากสื่อหัวใหญ่ๆ ทั่วโลก ล่าสุดก็เป็นซีเอ็นเอ็นที่ย้ำหัวตะปูด้วยภาพที่อ้างว่า ทหารเรือไทยชักลากเรือผู้อพยพออกไปลอยเท้งเต้งกลางทะเล

ปูพรมถล่มต่อเนื่องมานานกว่า 2 สัปดาห์จนทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาล และทหารเรือไทยป่นปี้ไปทั่วโลก โดยใช้ข้อมูลคำบอกเล่าฝ่ายเดียวของผู้อพยพ และการตัดต่อภาพบรรยายเหตุการณ์สั้นๆ

โดยเฉพาะภาพข่าวซีเอ็นเอ็นที่บรรยายว่า ทหารเรือไทยชักลากเรือชาวโรฮิงญาออกจากฝั่งก็ยิ่งคลุมเครือไปใหญ่ เพราะดูไม่ออกเลยว่า เป็นการชักลากเข้าฝั่ง หรือปล่อยออกไปกลางทะเลกันแน่

แต่ที่ดูจะปรักปรำกันมากที่สุด คือ การอ้างว่า เป็นเรือของทหารไทย ทั้งที่คลิปวิดีโอมีเพียงภาพท้ายเรือ ซึ่งดูไม่ออกเลยว่าเป็นเรือของทหาร หรือเรือของเอกชน และยิ่งไม่ต้องถามต่อไปเลยว่า เป็นเรือสัญชาติไทยด้วยหรือไม่

ประเด็นที่ว่า ใครเป็นคนทารุณชาวโรฮิงญากันแน่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็เคยโพล่งอย่างอึดอัดใจว่า ทหารไทยปฏิบัติด้วยหลักมนุษยธรรมมากที่สุดแล้ว และให้ลองไปสอบถามดูว่า ประเทศเพื่อนบ้านกระทำต่อผู้อพยพอย่างไรบ้าง

ไล่ให้ไปสืบดูว่า มีประเทศไหนที่ไล่ยิงเรือ หรือเฆี่ยนตีผู้อพยพบ้าง แต่สื่อนอกก็ย้ำแต่ประเด็นที่ว่า ทหารไทยทารุณผู้อพยพอย่างเดียว

ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ จ.ระนอง เพื่อตรวจสอบกรณีผู้อพยพโรฮิงญา 78 คน ซึ่งถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 27 มกราคม

ประเด็นที่นายกฯ อภิสิทธิ์ สนใจ คือ "บาดแผล" ตามร่างกายของผู้อพยพเพื่อพิสูจน์ความจริงให้เห็นกันชัดๆ ว่า ทหารไทย หรือฝ่ายไหนที่เป็นคนทรมานผู้อพยพกลุ่มนี้

"ที่ผ่านมาหลายฝ่ายต่างอ้ำอึ้ง ไม่มีหน่วยงานใด หรือใครที่ออกมาให้ข้อมูลที่ชัดเจน เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สำหรับการมาครั้งนี้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานต้นสังกัด และรัฐบาลให้สามารถให้ข้อมูล และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้"

พญ.คุณหญิง พรทิพย์ ส่งสัญญาณบางอย่างที่คล้ายจงใจสื่อสารไปยังสื่อหัวนอกโดยเฉพาะ โดยเริ่มจากประเด็นการตรวจสอบเกาะทรายแดง และเกาะทรายดำ จ.ระนอง ซึ่งมีการระบุว่าเป็นจุดที่ทหารเรือไทยใช้ควบคุมตัว และทารุณผู้อพยพ

ผลการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบพฤติกรรม หรือวัตถุพยานที่ชี้ให้เห็นหลักฐานการทำทารุณกรรม พบแต่ร่องรอยอาหาร และภาชนะบรรจุอาหารที่ทหารไทยและชาวบ้านนำมาให้การช่วยเหลือแก่ชาวโรฮิงญา

แต่ประเด็นที่เป็น "ไฮไลท์" จริงๆ คือ บาดแผลเหวอะหวะตามร่างกายของผู้อพยพ ซึ่ง พญ.คุณหญิง พรทิพย์ ระบุว่ามาจาก 2 สาเหตุ คือ

1.บาดแผลชนิดแรกเกิดการการเฆี่ยนด้วยแส้ โดยสันนิษฐานว่า มีการตีที่รุนแรง เพราะหลายคนมีบาดแผลลึกมาก

2.บาดแผลอีกลักษณะเกิดจากการเอาผ้าชุบน้ำมันที่ร้อนมากแล้วจุดไฟเผา ก่อนจะนำเอามาจี้ตามร่างกาย ซึ่งกลายเป็นแผลพุพอง และในจำนวนนี้หลายคนเป็นแผลร้ายแรงต้องใช้เวลารักษานานถึง 2-3 เดือน

พญ.คุณหญิง พรทิพย์ สรุปว่า บาดแผลทั้งหมดเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่ต่ำกว่า 10 วัน ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่การทำทารุณกรรมจะเกิดจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เพราะเพิ่งเข้าควบคุมตัวได้ 2-3 วันเท่านั้นเอง

แต่จากการสอบถามผ่านล่ามทุกคนพูดตรงกันว่า โดน "ทหารพม่า" ทำร้ายขณะลอยลำอยู่ในน่านน้ำพม่า และเมื่อเรือของทหารพม่าลาดตระเวนมาพบจึงเข้าจับกุม และกักตัวอยู่บนเรือกลางทะเลนานถึง 5 วัน

ระหว่างนั้นทหารพม่าก็ทรมานอย่างทารุณ ทั้งเฆี่ยนตีด้วยแส้ สลับกับเอาผ้าชุบน้ำมันแล้วจุดไฟเอาไปจี้ตามร่างกาย !!

พญ.คุณหญิง พรทิพย์ บอกว่า เบื้องต้นได้รับมอบหมายหน้าที่มาเพียงเท่านี้ ส่วนจะให้สอบประเด็นอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ก็แล้วแต่รัฐบาลจะมอบหมายให้ต่อไป

ที่น่าสนใจ คือ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้มีสื่อนอกอย่างอัล-จาซีรา และไชน่า เดลี มอร์นิ่งโพสต์ มาทำข่าวด้วย และแม้จะยังติดใจการทำงานของทหารไทย แต่อัล-จาซีราก็บอกว่า ได้เสนอประเด็นทหารพม่าทารุณชาวโรฮิงญาตั้งแต่วันแรกที่เราจับกุมได้แล้ว

อย่างน้อยๆ การเปิดเผยข้อมูลส่วนนี้ก็คงทำให้สื่อนอก "ตาสว่าง" ขึ้นบ้างว่า ควรจะไปเรียกร้องหามนุษยธรรมจากใครกันแน่

ขณะเดียวกัน ก็เป็นคำตอบได้ว่า สื่อ ไม่ว่าจะ "หัวนอก" หรือในบ้านเราเองนั้น ที่ผ่านมา ได้แสวงหาความจริงจนถึงที่สุดแล้วหรือไม่

เรื่องโดย : ทีมข่าวความมั่นคง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook