ผอ.สิทธิมนุษยฯชี้รายงานค้ามนุษย์คือนโยบายการค้า

ผู้อำนวยการส่งเสริมการสร้างสิทธิมนุษยชน จวก รายงานค้ามนุษย์ล่าสุด คือนโยบายการเมืองเชื่อมการค้า

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน ไทยยังคงอยู่ในกลุ่มเกือบ 20 ประเทศ ที่ไม่พยายามหยุดยั้งการลักลอบนำผู้คนเข้าประเทศ ขณะที่มาเลเซียได้รับการยกระดับขึ้นจากความพยายามต่อสู้กับการค้ามนุษย์เมื่อปีที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ โดย การรายงานอันดับการจัดการการค้ามนุษย์ในปีนี้ดูจะมีน้ำหนักมากขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการผลักดัน ให้เกิดความสำเร็จสำหรับคู่ค้าการขนส่งแปซิฟิก ซึ่งมีข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่ในแปซิฟิก ร่วมกันก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในการเจรจาการต่อรองอำนาจการจัดการ ซึ่งรวมไปถึง ข้อห้ามต่าง ๆ ที่ยกเว้นประเทศในกลุ่มเทียร์ 3 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีข้อจำกัดด้านความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ หรือศัตรูทางผลประโยชน์ เช่น ซีเรียและรัสเซีย ขณะที่ไทย ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจค่อนข้างใหญ่ เป็นกรณีที่แตกต่างออกไป และนั่นเป็นข้อยกเว้นจากกฎคู่ค้าในแปซิฟิก 

ขณะเดียวกัน มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าในแปซิฟิกด้วยกัน ถูกจัดอันดับตารางการจัดการการค้ามนุษย์ ขึ้นมาอยู่ในกลุ่มเทียร์ 2 จากเทียร์ 3 เมื่อปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การรายงานอันดับการค้ามนุษย์ปีนี้มีขึ้นท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของผู้อพยพหนีภัยสงคราม การถูกข่มเหง และความยากจนในตะวันออกกลาง เอเชีย และแอฟริกา ซึ่งกลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้ลี้ภัย เสี่ยงที่จะเผชิญชะตากรรมคล้ายกับกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮีนจาจากประเทศเมียนมา ที่ล่องเรือเมื่อ 2 เดือนก่อนและลอยเคว้งอยู่กลางทะเลอันดามัน ในน่านน้ำประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ทำให้การยกระดับ ของมาเลเซียถูกมองว่า มีการจัดการที่น้อยเกินไปแต่ได้รับการยกระดับ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่การเข้าเป็นหุ้นส่วนการค้าของสหรัฐฯ โดย นาย แมทธิว เอฟ สมิธ ผู้อำนวยการส่งเสริมการสร้างสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้น คือนโยบายการเมือง ที่มั่นใจว่าเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ด้านการค้า พร้อมตั้งคำถามว่า มีข้อความใดที่แสดงถึงมาเลเซียบ้าง และหากมี นั่นคือ "การค้าสำคัญกว่าสิทธิมนุษยชน" ใช่หรือไม่