เพื่อไทยยื่นหลักฐานเพิ่มเติมให้ป.ป.ช.เอาผิดบุญจง
จากนั้นนายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หลักฐานที่มีเพิ่มขึ้นนี้ เราไปได้มาจากการลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา เป็นภาพวิดีโอ ที่แสดงให้เห็นชัดเจนถึงการที่นายบุญจงแจกเงิน ผ้าห่ม สิ่งของ โดยเฉพาะมีภาพของภรรยานายบุญจง ซึ่งไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่อ้างการเป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งในภาพเห็นชัดว่าแจกเงินในลักษณะใด
นอกจากนี้ยังมีพยานบุคคลที่สามารถมาให้ปากคำกับ ป.ป.ช.ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นใคร เนื่องจากพื้นที่ใน จ.นครราชสีมานั้น เป็นพื้นที่ของนายบุญจง เกรงพยานจะไม่ปลอดภัย แต่เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดนายบุญจงได้ โดยเอาผิดในมาตรา 157 เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบซึ่งเรียกว่าประชานิยมแบบอภิสิทธิ์ ที่เอาเงินมาแจกกันได้ถึงบ้าน หากกรณีเช่นนี้ไม่ผิด ต่อไปคงสามารถแจกเงินกันได้ถึงห้องนอน ในอนาคตคงจะเป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ดังนั้นท่ามกลางวิกฤติดังกล่าว ป.ป.ช.และ กกต.จะต้องพิสูจน์ตัวเอง
นอกจากนี้ทางพรรคเพื่อไทยได้ทำหนังสือขอรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือในพื้นที่ดังกล่าว ไปที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพราะได้ทราบข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ว่าผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับแจกในพื้นที่ของนายบุญจงนั้นยังมีอีกมาก แต่ที่แจกกันในวันนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนที่หัวคะแนนของนายบุญจงนำมา และประชาชน 200 คนที่ได้รับแจกในวันนั้น ก็เป็นหัวคะแนนของนายบุญจงด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีความเกี่ยวโยงถึงการหาสมาชิกเข้าพรรคภูมิใจไทย จึงเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับฐานเสียง หัวคะแนนของนายบุญจงเอง มากกว่าการให้ประชาชนผู้ลำบากยากไร้จริงๆ อย่างไรก็ตามเอกสารหลักฐานในประเด็นการหาสมาชิกเข้าพรรคภูมิใจไทยนั้น เราขอเก็บเอาไว้ยื่นหลังจากที่ ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว จึงจะนำมาแสดง ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะมีอยู่ แต่เราก็ไม่สามารถเปิดเผยได้
นายคารม กล่าวว่า ป.ป.ช.ควรทำงานอย่างตรงไปตรงมา ป.ป.ช.ต้องพิสูจน์ตัวเองและทำตัวให้เป็นที่พึ่งของประชาชน เพราะหลักฐานที่เรานำมายื่นเพิ่มในวันนี้ มีความชัดเจนมากว่าภรรยาของนายบุญจงยืนแจกเงินสดๆ จึงไม่ทราบว่านายบุญจงจะแก้ตัวโดยอ้างกรณีใด แต่พยานหลักฐานและพยานบุคคลปรากฏชัดเจน จะได้แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้กล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน ถือว่าภาพในวิดีโอดังกล่าวชัดเจนกว่ามีใบเสร็จเสียอีก ในเมื่อประจักษ์พยานชัดเจนอย่างนี้ นายกรัฐมนตรีต้องพิสูจน์ตัวเองว่ายังจะต้องรอให้มีใบเสร็จอีกหรือไม่ถึงจะปรับ ครม.
อย่างไรก็ตามกรณีที่ กกต.พยายามเบี่ยงเบนว่าเรื่องนี้ไม่อยู่ในอำนาจของ กกต. ตามที่ ส.ว.ยื่นเอาผิดตามมาตรา 266 ( 1 )ของรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเราได้ยื่นเอาผิดตามมาตรา 22 พ.ร.บ.ประกอบพรรคการเมืองแล้ว จะทำให้ชัดขึ้น ซึ่ง กกต.จะต้องรับพิจารณา หากไม่รับจะถือว่าละเว้น ดังนั้นเราก็จะไม่ละเว้น กกต.เช่นกัน เราฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ในการปฏิบัติหน้าที่
นายคารม กล่าวว่า ขณะนี้เรามีหลักฐานเรื่องของคนใกล้ตัวนายบุญจง ซึ่งได้หลักฐานจาก ส.จ.ในพื้นที่ จึงขอตรวจสอบอีก 2-3 วัน และสัปดาห์หน้าเมื่อนายกรัฐมนตรีกลับจากต่างประเทศ เราจะนำมาเปิดเผย เพราะเรื่องนี้สามารถเอาผิดตามกฎหมายอาญาได้อย่างชัดเจน เป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่เคยทำ วันนี้มาเป็นรัฐบาล คุณจะบอกว่าคนอื่นทำแล้วคุณจะทำตาม หรือคุณจะสร้างมาตรฐานใหม่ เราเปิดเรื่องนี้ในอาทิตย์หน้าอย่างแน่นอน เป็นเรื่องคนใกล้ตัวนายบุญจง เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของนักการเมืองที่มิชอบ ส่วนจะเป็นใครเอาไว้ก่อน ขอตรวจสอบหลักฐานให้ชัดเจนแล้วจะมาเปิดเผยในอาทิตย์หน้า
สำหรับกรณีที่มีการโน้มน้าวให้ผู้ที่ได้รับแจกเงินของ พม. สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น ตามมาตรา 22 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุว่า พรรคการเมืองหรือบุคคลใด ให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์ ในการชักจูงให้เป็นสมาชิก มีความผิดจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ดังนั้นจึงไม่จำเป็นว่าจะต้องมีใบสมัคร แต่ถ้ามีก็แสดงว่าชัดเจน ซึ่ง ส.จ.ในพื้นที่ที่จ.นครราชสีมา ได้ตรวจสอบให้เราแล้ว พบว่ามีการโน้มน้าวให้เข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย จึงต้องการให้ กกต.ตรวจสอบ เพราะตามกฎหมายพรรคการเมือง กกต.คือผู้เสียหาย ดังนั้นความผิดเกิดขึ้นเพียงแค่โน้มน้าว ไม่ว่าโดยตรงโดยอ้อมก็ถือว่าผิดแล้ว และถ้ามีใสมัครด้วยยิ่งจะยืนยันได้ชัดเจน
โรฮิงญา ถูกทหารพม่าทารุณ! เหรียญอีกด้านที่สื่อนอกละเลย
การเปิดประเด็น ทหารเรือไทย ทารุณกรรมผู้อพยพชาวโรฮิงญา ก่อนจะตามมารุมถล่มอีกชุดใหญ่จากสื่อหัวใหญ่ๆ ทั่วโลก ล่าสุดก็เป็นซีเอ็นเอ็นที่ย้ำหัวตะปูด้วยภาพที่อ้างว่า ทหารเรือไทยชักลากเรือผู้อพยพออกไปลอยเท้งเต้งกลางทะเล