กล้องวงจรปิดจับภาพ ชายต้องสงสัยระเบิดสะพานสาทร

กล้องวงจรปิดจับภาพ ชายต้องสงสัยระเบิดสะพานสาทร

กล้องวงจรปิดจับภาพ ชายต้องสงสัยระเบิดสะพานสาทร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรุงเทพฯ 21 ส.ค. - ตำรวจได้เบาะแสชายต้องสงสัยปาระเบิดที่สะพานสาทรจากกล้องวงจรปิด ซึ่งไม่ตรงกับคนร้ายวางระเบิดแยกราชประสงค์ โดยชายคนดังกล่าวสะพายกระเป๋าเป้เดินขึ้นสะพานสาทร ก่อนเขี่ยเป้ลงแม่น้ำ คาดเป้บรรจุระเบิดแบบตั้งเวลา

มีรายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวน สน.ยานนาวา และชุดสืบสวน บก.น.6 ได้ทำการตรวจสอบไล่ติดตามภาพกล้องวงจรปิดระยะไกลจากบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุระเบิดใต้สะพานสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุ จากทางเดินตรงเข้ามาตามขั้นบันไดขึ้นทางเดินไปท่าเรือสาทร

จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินไปหยุดตรงราวสะพานทางเดินระหว่างทางแยก ระหว่างเดินมาชายต้องสงสัยดังกล่าวได้ถือกระเป๋าเป้สีดำ คาดว่าบรรจุระเบิดมาที่ท่าเรือ และน่าจะมาวางกระเป๋าบนพื้นทางเดิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

จากนั้นจึงได้เปลี่ยนจุดเดินไปประมาณ 5 ก้าว กระทั่งวางกระเป๋าไว้กับพื้นอีกครั้ง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู พอสบโอกาสไม่เห็นคน ก็ใช้เท้าเขี่ยกระเป๋าลงน้ำ บริเวณทางเดินท่าเรือสาทร จุดที่เกิดเหตุระเบิด

ก่อนเกิดเหตุรายงานข่าวแจ้งอีกว่า การกระทำของชายต้องสงสัยดังกล่าวก่อเหตุในช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. วันเดียวกับวันที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ซึ่งมีช่วงเวลาห่างกันเพียงครึ่งชั่วโมง โดยลักษณะท่าทางไม่เหมือนกับชายต้องสงสัยไม่ทราบสัญชาติ สวมเสื้อเหลือง กางเกงสามส่วน ที่ถูกออกหมายจับตามภาพไปแล้ว

รายงานข่าวยังระบุว่า ชายต้องสงสัยที่น่าจะก่อเหตุลอบวางระเบิดบริเวณท่าเรือสาทร ลักษณะใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขายาว แต่เห็นใบหน้าไม่ชัดเจน เพราะระยะกล้องค่อนข้างไกล และช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างมืด คาดว่าการกระทำดังกล่าวอาจตั้งเวลาไว้ข้ามวันถัดไปไม่ต่ำกว่าประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใช้วิธีการจุดระเบิดอย่างไร และอาจจะวางระเบิดผิดพลาดหรือไม่

อย่างไรก็ตาม จากพฤติการณ์อาจเป็นไปได้ว่า คนร้ายไม่ได้ตั้งใจประสงค์ต่อชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ด้วยว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าวอาจเป็นคนไทย แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ชัดเจน

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนจะเร่งติดตามภาพจากกล้องจรปิดและพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าวต่อไป.-สำนักข่าวไทย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook