นายกฯ เมินสื่อนอกบอกอุยกูร์โยงบึ้ม-อย่าชี้นำรธน.

นายกฯ เมินสื่อนอกบอกอุยกูร์โยงบึ้ม-อย่าชี้นำรธน.

นายกฯ เมินสื่อนอกบอกอุยกูร์โยงบึ้ม-อย่าชี้นำรธน.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี เมินสื่อนอกบอกอุยกูร์โยงบึ้ม ปฏิเสธ เตรียมใช้ ม.44 ห้ามเรียกคนรากหญ้า ระบุไม่กังวล นักการเมืองแสดงความเห็นคว่ำร่าง รธน. ขอให้ประชาชนตัดสิน อย่าชี้นำ เดินหน้าถกสันติสุข ยัน ผบ.ทบ.คนใหม่เป็นไปตามขั้นตอน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวผู้ก่อเหตุอยู่ ซึ่งขอย้ำว่ามีความก้าวหน้า โดยขอให้รอรับฟังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดทั้งกรุงเทพมหานคร ส่วนกรณีที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่าเหตุดังกล่าว อาจเกิดจากกรณีการส่งกลับชาวอุยกูร์นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นแค่การวิเคราะห์ ซึ่งยังไม่มีหลักฐานชัดเจน โดยยืนยันว่าหากมีความเกี่ยวข้องจริงก็จะไม่มีการปิดบัง และต้องหามาตรการแก้ไขปัญหาไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นคู่ขัดแย้งในเรื่องดังกล่าว 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีปฏิเสธว่าไม่ได้คิดที่จะใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวห้ามไม่ให้มีการเรียกประชาชนว่าเป็นคนรากหญ้า ซึ่งเป็นเพียงการสร้างบรรยากาศในการปาฐกถาเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีนักการเมือง แสดงความเห็นคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. รวมถึงประชาชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตัวเองและอย่าไปชี้นำ ทั้งนี้ ไม่กังวลว่ากลุ่มพรรคการเมืองจะจับมือร่วมกันเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะประชาชนมีจำนวนมากกว่า ซึ่งในส่วนของนักการเมืองที่มีปัญหาก็ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ หรือ คปป. นั้น ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวในทุกเรื่อง โดยอยากให้นักการเมืองที่ออกมาแสดงความคิดเห็นค้าน ร่วมกันตั้งเวทีแถลงว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในอดีตที่ผ่านมาอีก พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่ได้ต้องการมีอำนาจเหนือใคร

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 27-28 สิงหาคม ว่า เป็นการกระชับความสัมพันธ์ รวมถึงติดตามเรื่องที่ยังไม่เป็นรูปธรรมในหลายเรื่อง ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ เช่น เรื่งการศึกษา พลังงาน เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เรื่องวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และสร้างความเข้มแข็งร่วมกัน ทั้งนี้ ส่วนตัวได้ชี้แจงนโยบายรัฐบาลความเชื่อมโยงระบบขนส่งด้านต่าง ๆ พร้อมเชิญชวนทางฟิลิปปินส์มาร่วมด้วย ซึ่งก็มีความสนใจ นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงถึงสถาการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย โดยยืนยันว่าประเทศไทยยังคงเดินตามโรดแมป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการร่างรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ และนำไปสู่การเลือกตั้ง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า การแต่งตั้งผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่นั้น มีคณะกรรมการพิจารณาเสนอขึ้นมาและต้องดูให้เหมาะสมกับสถาการณ์ ซึ่งหากไม่ดีก็สามารถตั้งใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ขอเปิดเผย โดยขอให้ติดตามกันในค่ำคืนนี้ พร้อมเปิดเผยว่า ได้มีการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร.คนใหม่ แทน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว พร้อมยืนยันจะมีการฟ้องแพ่งเรียกค้าเสียหายคดีรับจำนำข้าว ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานให้มีความชัดเจน
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มมารา ปาตานี ที่มีการแถลงเปิดตัวเพื่อพูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทย ว่า ถือเป็นการพูดคุยกันเป็นครั้งที่สอง ซึ่งเหตุผลที่ไม่ได้คุยกันในประเทศไทย เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้ที่ทำผิดกฎหมายของประเทศ อย่างไรก็ตาม การพูดคุยสันติสุขต้องพูดคุยที่สาเหตุของปัญหา ส่วนข้อเสนอต่าง ๆ นั้นที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยมาหลายครั้งแต่อาจเกิดจากความไม่เข้าใจกัน อีกทั้งได้แสดงความจริงใจในการพูดคุย อย่างไรก็ตาม ขอให้รอดูกันต่อไปว่ากลุ่มดังกล่าวจะร่วมมือกับรัฐบาลอย่างไร และขอสื่อมวลชนอย่าไปขยายความขัดแย้ง





แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook