นายกย้ำคดีบึ้มคืบลุยติดCCTV-ปรับครม.ปัดขัดแย้งเร่งแก้ศก.

นายกย้ำคดีบึ้มคืบลุยติดCCTV-ปรับครม.ปัดขัดแย้งเร่งแก้ศก.

นายกย้ำคดีบึ้มคืบลุยติดCCTV-ปรับครม.ปัดขัดแย้งเร่งแก้ศก.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ย้ำคดีบึ้มคืบหน้า ลุยติด CCTV ขอบคุณเจ้าหน้าที่เร่งล่าคนร้าย ยัน ปรับ ครม.ใหม่ เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น ปัดขัดแย้ง เร่งแก้เศรษฐกิจ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งในประเทศ และสถานการณ์โลก ไม่หวังว่าจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อม แต่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ โดยคณะรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมา เป็นผู้วางรากฐานทำงาน ท่ามกลางปัญหา ข้อขัดแย้ง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ก็จะมาขับเคลื่อน ทำให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็ว เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ภาคเอกชน รวมทั้งนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ กำหนดระยะเวลาที่จะได้ผลสัมฤทธิ์ ที่จับต้องได้ เป็นรูปธรรมในทุกมิติ ตลอดจนต้องโปร่งใส มีประสิทธิภาพของการทำงาน ทุกโครงการจะต้องปลอดจากการทุจริต และได้ย้ำในการประชุม ครม. ไปแล้วนโยบายของรัฐบาลนี้ จะไม่ยอมรับการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยเด็ดขาด

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า จะปฏิรูปการทำงานของรัฐบาลบูรณาการการทำงานร่วมกันให้ทุกกระทรวง ทุกกรม ไม่แบ่งเป็นพรรค เป็นฝ่าย ไม่มีการทำงานซ้ำซ้อน ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในแต่ละเรื่องกำกับดูแล

ส่วนเรื่องความมั่นคงการเฝ้าระวังเป็นสิ่งที่จำเป็นจากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ตนเองและรัฐบาล ต้องขอแสดงความเสียใจ และขอขอบคุณประชาชนอีกครั้งที่ได้ให้ความร่วมมือ ได้ร่วมกันออกมาแสดงพลังของความสามัคคี การเป็นเจ้าบ้านที่ดีต่อนักท่องเที่ยว การประสัมพันธ์สิ่งดี ๆ ของประเทศเรา หรือการสร้างความเชื่อมั่นกับชาวต่างประเทศให้กลับมา ทุกคนมีส่วนมีขีดความสามารถ สำหรับภาคเอกชน บริษัท ห้างสรรพสินค้า โรงแรม บริษัทต่าง ๆ สามารถช่วยรัฐบาลได้โดยการติดตั้ง เพิ่มจำนวนหรือเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์เฝ้าระวัง เช่น กล้อง CCTV ตามพื้นที่ต่าง ๆ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ในการติดตามคนร้ายที่มีความคืบหน้าตามลำดับ ขอให้เข้าใจให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงาน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายต่าง ๆ จัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 12 ในระหว่างวันที่ 2-6 กันยายนนี้ ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิชาการ และขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในทุกระดับ รวมถึงเป็นการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทย ที่จะทำให้ทรัพยากรสมุนไพรของไทยที่มีเป็นจำนวนมาก รวมความถึงภูมิปัญญาของไทย หมอแพทย์แผนไทยเหล่านี้ไปสู่ตลาดสากล จึงขอเชิญชวนทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติไปร่วมงานดังกล่าว เพื่อเป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย และภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะดูแลสภาพเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ โดยแบ่งการขับเคลื่อนเป็น 5 กลุ่มภารกิจหลักที่ต้องขับเคลื่อนสัมพันธ์ไปด้วยกัน ให้เกิดเป็นรูปธรรม ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มภารกิจที่ 1 เป็นการดูแลช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร และประชาชนผู้มีรายได้น้อย กลุ่มภารกิจที่ 2 คือการดูแลเศรษฐกิจท้องถิ่น และภูมิภาคให้เข้มแข็ง เนื่องจากที่ผ่านมาการเติบโตของเศรษฐกิจไทย อิงกับภาคต่างประเทศอย่างการส่งออกค่อนข้างมาก ไทยจึงต้องปรับสมดุล สร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจจากภายใน กลุ่มภารกิจที่ 3 จะมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพสินค้า ผ่านการส่งเสริมการแปรรูป การทำ packaging  ให้กับสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ของ SMEs หรือแม้แต่สินค้าอุตสาหกรรม ที่จะต้องมีการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ต้องมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ กลุ่มภารกิจที่ 4 จะเป็นการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อวางรากฐานอนาคตเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ให้เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าด้วยกัน และกลุ่มภารกิจที่ 5 การต่างประเทศ ถือว่าเป็นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน และการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์นั้น ประเทศไทยค่อนข้างได้เปรียบ และพร้อมที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็จะช่วยกันดำเนินการผลักดัน ในเรื่องเส้นทางจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว จำนวน 13 เส้นทาง 13 จังหวัดของภาคกลาง นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็จะสนับสนุนให้แต่ละจังหวัดขับเคลื่อนการพัฒนาเส้นทางจักรยานมากขึ้น ก็มีหลายจังหวัดทำไปแล้ว แต่ก็ต้องพัฒนาให้ดีอย่าให้มีเรื่องร้องเรียนอีก โดยจะต้องมีการดำเนินการให้โปร่งใส




ขอบคุณภาพจาก โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย




แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook